สาวทอมเช่ารถฟอร์จูนเนอร์ขับเที่ยวเหนือ ก่อนนำข้ามฝั่งไปขายประเทศพม่าในราคาเพียง 80,000 บาท เจ้าของประสานตำรวจไทยช่วยอะไรไม่ได้ ต้องตามสัญญาณ GPS ไปไถ่กลับคืนมาเองหมดเงินไป 400,000 บาท ทหารพม่านำรถยนต์ลงแพส่งกลับมาฝั่งไทย ที่ท่าเทียบเรือชายแดนไทย ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 64 ที่สำนักงานทนายความจิตอาสา ในศนย์การค้าบางใหญ่ซิตี้ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี น.ส.เกศสุดา (สงวนนามสกุล) อายุ 40 เป็นพนักงานออฟฟิศแห่งหนึ่ง เข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากนายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือ ทนายโป้ง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา เพื่อให้ช่วยติดตามคดีที่ตนเองถูกสาวทอมมาขอเช่ารถก่อนนำข้ามฝั่งไปขายประเทศเพื่อนบ้าน ตนต้องติดตามรถและเสียค่าไถ่กลับคืนมาหมดเงินไปหลายแสนบาท
น.ส.เกศสุดา เผยว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมา ได้ลงประกาศทางเฟซบุ๊ก เพื่อปล่อยให้เช่ารถยนต์ของตัวเอง เพื่อเป็นการหารายได้พิเศษเสริมอีกทางในช่วงที่โควิดระบาด งานทุกอย่างหยุดชะงัก โดยตนเพิ่งจะเริ่มปล่อยให้เช่ารถยนต์ได้เพียง 2 เดือน ก็ยังไม่มีลูกค้าติดต่อเข้ามาขอเช่ารถยนต์เลย จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา มีผู้หญิงลักษณะคล้ายทอม ใช้บัญชีทางเฟซบุ๊กว่า “Varinthorn Nam (น้ำตาทศกัณฐ์)” ทักเข้ามาทางอินบ็อกซ์ส่วนตัว เพื่อขอติดต่อเช่ารถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ของตนเอง โดยอ้างว่า จะนำรถยนต์ไปขับท่องเที่ยว และกลับบ้านทางภาคเหนือ เพื่อดูที่ดิน พร้อมเพื่อนสาวเป็นเวลา 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 4-7 พ.ย.ที่ผ่านมา
ด้วยความที่ตนยังเป็นมือใหม่ในการหารายได้เสริมปล่อยให้เช่ารถ จึงได้ขอเพียงถ่ายบัตรประชาชนสาวทอมผู้เช่าคนดังกล่าวเอาไว้ พร้อมกับเข้าไปตรวจดูโปรไฟล์ ในชื่อเฟซบุ๊กดังกล่าว พบว่า ทำงานเหมือนเป็นนายหน้า หรือตัวเเทนทำธุรกิจหลายอย่าง ประกอบกับรถยนต์ของตนได้ติดตั้งระบบติดตาม GPS อย่างดีเอาไว้แล้ว จึงคิดว่าไม่น่ามีปัญหาใดๆเกิดขึ้น เพราะชื่อผู้มาติดต่อขอเช่ารถยนต์ก็มีที่อยู่ตามบัตรประชาชนเป็นคนทางภาคเหนือพอดีและรูปภาพตรงปก
โดยวันแรกได้ตรวจเช็กระบบ สัญญาณ GPS ที่รถยนต์ พบว่า ได้ขับเดินทางวิ่งอยู่ช่วงตั้งแต่วันที่ 4-7 พ.ย.ผู้เช่ารายนี้ตระเวนขับรถยนต์เช็กอินท่องเที่ยวตามร้านกาแฟ และวัด ทางแถบจังหวัดภาคเหนือในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ตามปกติ
กระทั่งจนถึงกำหนดต้องส่งรถยนต์กลับคืนตน ในวันที่ 7 พ.ย. ตนได้พยายามติดต่อผู้เช่าหลังจากที่ยังไม่มีการแจ้งกลับว่าจะทำการคืนรถยนต์ ซึ่งทางผู้เช่าได้โทรศัพท์ติดต่อกลับในเวลาต่อมา และอ้างว่า จะขอเช่ารถยนต์ต่อเนื่องอีก 3 วัน เพื่อขับดูที่ดิน แวะทำธุระที่จังหวัดตาก ก่อนล่องกลับลงมายังกรุงเทพฯ จนถึงวันที่ 10 พ.ย. 64 ซึ่งตนเห็นว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะไว้ใจและโปรไฟล์มีความน่าเชื่อถือ ประกอบกับได้ให้เงินไว้ก่อนแล้วจำนวน 5,000 บาท จึงปล่อยให้เช่ารถยนต์ขับต่อไปอีก 3 วัน จนตนเริ่มติดใจสงสัยอีกครั้งจากการตรวจสอบสัญญาณ GPS ของวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา พบว่า รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ของตน โผล่จอดนิ่งสนิทอยู่บริเวณใกล้ริมแม่น้ำเมย ติดกับฝั่งประเทศเมียนมา ในช่วงเวลา 16.30 น.ซึ่งประกอบกับงานที่ออฟฟิศของตนกำลังยุ่งๆ ในช่วงเวลาดังกล่าว เลยพลาดการติดตาม ตรวจเช็กสัญญาณของระบบ GPS ซึ่งในช่วงเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงตรวจพบสัญญาณ GPS รถยนต์ของตน ได้ข้ามแดนไปที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเป็นจุดสุดท้ายที่พบระบบติดตามสัญญาณ GPS ได้ขาดหายไปเลย ตนจึงรีบโทรติดต่อกลับหาสาวทอมผู้เช่ารถยนต์ ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลยในขณะนี้
ตนจึงรีบโทรศัพท์เข้าไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าสองยาง จ.ตาก พบผู้กองหนุ่ม ชื่อเล่น ไก่ ปฎิบัติหน้าที่อยู่ แจ้งเรื่องไว้ก่อนว่ารถยนต์ของตนได้กำลังถูกลักลอบนำออกข้ามฝั่งชายแดนไปขายที่ประเทศเพื่อนบ้านแล้ว โดยปลายสายเสียงของผู้กองหนุ่มตอบกลับมาว่า เชื่อมือผม พร้อมทั้งอ้างว่า ผมรู้แล้วว่ารถยนต์ได้ถูกนำลงข้ามฝั่งไปตรงจุดไหน กำลังประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดนที่เกี่ยวข้องกันอยู่ กระทั่งได้แชตตอบไลน์กลับมาอีกครั้งว่าไม่สามารถติดตามรถยนต์กลับคืนมาได้แล้ว
ต่อมาได้ทราบจากแหล่งข่าวในพื้นที่ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ว่า รถยนต์ ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว คันดังกล่าวได้ถูกขายส่งต่อจากสาวทอม (ผู้เช่ารถ) ไปในราคาเพียง 80,000 บาท และมีอีกทีมหนึ่งซึ่งอยู่ที่บ้านพักรถในพิกัด GPS สุดท้ายตามรูปในฝั่งไทย เป็นผู้นำรถยนต์ขับลำเลียงข้ามแดนไปยังฝั่งพม่าได้อย่างฉลุย ซึ่งราคาซื้อขายรถยนต์ ฟอร์จูนเนอร์ ในประเทศเพื่อนบ้าน จะซื้อ-ขายกันพุ่งสูงถึง 100,000-400,000 บาท
ตนจึงได้รีบเดินทางเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวัน กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น อย่างเร่งด่วน เพราะอยู่ในพื้นที่ตอนส่งมอบรถยนต์ให้เช่ากันที่บริเวณหน้าวัดเสมียนนารี ตนคาดว่า น่าจะทำเป็นขบวนการใหญ่ มีทีมติดต่อเช่า มีทีมนำรถยนต์ข้ามฝั่ง นำรถยนต์ส่งข้ามแดนได้ตลอดเวลา แม้ด่านชายแดนจะยังคงปิดอยู่ในช่วงโควิด-19 ระบาด ตามที่รัฐบาลประกาศอยู่ก็ตาม โดยอาจจะมีเจ้าหน้าที่ของภาครัฐมีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องในขบวนการส่งรถขายข้ามแดนเรี่องนี้ด้วยหรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะสามารถนำรถยนต์ข้ามส่งออกได้อย่างง่ายดาย และทุกวันนี้สาวทอมผู้ก่อเหตุยังใช้ชีวิต กินหรู อยู่สบาย ได้ตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ขณะที่ตนเองเดือดร้อนลำบากมาก ต้องเดินทางติดตามประสานงานไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อนำเงินไปไถ่รถยนต์ของตัวจากกลุ่มชายที่อ้างตัวว่าเป็นทหารเมียนมาและสามารถเอารถออกมาได้เสียเงินไถ่ถอนเพื่อให้ได้รถกลับมาหมดเงินไป 400,000 บาท ซึ่งชายกลุ่มดังกล่าวหัวหน้าแต่งชุดทหารพม่า ยศพันโท ทาปากแดง บอกกับตนว่า รถคันนี้จะเอาไปให้นายใช้ แต่เมื่อเอาเงินมาไถ่ก็เอาคืนไป จากนั้นก็ได้นำรถยนต์ลงแพขนานยนต์ส่งกลับมาฝั่งไทยในพื้นที่ท่าเทียบเรือชายแดนไทยต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ซึ่งอยู่ในเขตดูแลของทางเจ้าหน้าที่ฝั่งเราด้วย “ที่น่าเจ็บช้ำใจกว่าเดิมก็คือรถตนเองถูกถอดเบาะไฟฟ้าคู่หน้ามูลค่ากว่าแปดหมื่นบาทออกแล้วเปลี่ยนเป็นเบาะธรรมดา”
ตนจึงอยากขอฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ, เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม หรือ ศูนย์ป้องกันการโจรกรรมรถยนต์ (ศปจร.ตร.) และหน่วยเฉพาะกิจทหารตามแนวชายแดน ช่วยตรวจสอบกลุ่มแก๊งส่งขายรถยนต์ข้ามชาติ จับกุมตัวหรือตรวจสอบเส้นทางที่ขบวนการลักลอบนำรถยนต์ส่งขายข้ามแดนในเรื่องนี้ให้ด้วย ทำไมเขาจึงนำรถยนต์ส่งออกขายข้ามแดนได้แบบง่ายดายมาก
ทางด้าน ทนายโป้ง กล่าวว่า เบื้องต้นดูจากหลักฐานตามที่เขาลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ประชาชื่น จึงแนะนำผู้เสียหายให้รวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับรถยนต์คันนี้ และข้อมูลของผู้มาขอเช่า เพื่อเป็นพยานหลักฐานข้อหาฉ้อโกง จะได้ไปแจ้งความในข้อหาฉ้อโกง เพราะคราวที่แล้วลงเพียงบันทึกประจำวันไว้ อาจจะสื่อสารกันผิดพลาดระหว่างผู้เสียหายและพนักงานสอบสวน ก็อยากฝากถึงพนักงานสอบสวนให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ดีก่อนที่จะลงบันทึกประจำวัน เพราะทำให้ผู้เสียหายทำอะไรไม่ได้เลยในคดีความ เรื่องนี้เป็นคดีความเพราะค่าเสียหายรถราคาเป็นล้าน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจควรจะให้ข้อมูลหรือความร่วมมือมากกว่านี้ ไม่ใช่ให้ผู้เสียหายไปดำเนินการเอง ในวันพรุ่งนี้จะให้ผู้เสียหายเอาหลักฐานเพิ่มเติมไปยื่นที่ สน.ประชาชื่น แจ้งความดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง ถ้าพฤติกรรมมากว่านี้ พนักงานสอบสวนจะได้เพิ่มข้อหาไป อาจจะมีการกระทำร่วมกันกับใครหรือไม่ จึงอยากฝากถึงผู้ที่ปล่อยรถเช่าว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี ทุกคนต้องหาช่องทางที่มีรายรับ แต่ก็มีมิจฉาชีพเยอะพอสมควร จึงฝากไว้ว่าอย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน อย่าคิดว่ามีเพียงแค่เอกสารแล้วจะไม่กล้าโกง การปล่อยรถให้เช่าระยะไกลเป็นที่น่าสังเกตุผิดปกติ อย่าคิดว่าเงินจะได้มาง่ายๆ สุดท้ายต้องมาเดือดร้อนเสียมากกว่าได้อย่างที่เห็น