ผบช.ปส.แถลงจับเครือข่ายยาเสพติด 7 คดี มีผู้ต้องหา 12 คน ยึดยาบ้า 6.4 ล้านเม็ด ไอซ์ 301 กก. และกัญชา 208 กก. เผยสั่งสอบเหตุ 3 ตำรวจชุมพร ดื่มกาแฟวูบหมดสติ นำตัวส่งโรงพยาบาล ตรวจพบสารเสพติด
วันนี้ (19 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส. พร้อมด้วย ตัวแทนเจ้าหน้าที่จากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพภาคที่ 3 และ สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาขบวนการค้ายาเสพติดจำนวน 7 คดี ได้ผู้ต้องรวม 12 คน พร้อมของกลางยาเสพติด ประกอบด้วย ยาบ้า 6,404,000 เม็ด ไอซ์ 301.4 กิโลกรัม กัญชาอัดแท่ง 208 กิโลกรัม รถยนต์ 8 คัน ระเบิดขว้าง 1 ลูกอาวุธปืน 1 กระบอก
พล.ต.ท.สรายุทธ กล่าวว่า สำหรับคดีที่น่าสนใจในการแถลงผลปฏิบัติการครั้งนี้เป็นคดีที่ เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปส.3 สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร และ ป.ป.ส. วิสามัญฆาตกรรม นายจะคา หรือ จะดา จะก่อ อายุ 56 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ ผู้ต้องหาคดียาเสพติด พร้อมตรวจยึดของกลาง ยาบ้า จำนวน 6,000,000 เม็ด โทรศัพท์เคลื่อนที่ จำนวน 3 เครื่อง รถยนต์กระบะ จำนวน 1 คัน อาวุธปืน 1 กระบอก และระเบิดขว้าง 1 ลูก ซึ่งมูลเหตุการวิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องหารายนี้
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบมาว่า กลุ่มเครือข่ายค้ายาเสพติดชาวมูเซอ บ้านห้วยม่วง ต.บ้านหลวงอ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ มีการลักลอบขนลำเลียงยาเสพติดแบบขบวนคาราวานจากชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาในพื้นที่ตามแนวชายแดนรอยต่อด้าน อ.ฝาง และ อ.แม่อาย โดยใช้รถกระบะเป็นยานพาหนะในการขนลำเลียง จึงจัดกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ตามเส้นทางต่างๆ กระทั่งพบ นายจะคา ขับรถกระบะบรรทุกถุงกระสอบจำนวนมาก ต้องสงสัยตรงตามที่ที่สายลับแจ้งขับผ่านมา จึงแสดงตัวขอเข้าตรวจสอบแต่ระหว่างนั้น นายจะคา กลับเร่งเครื่องพยายามหลบหนี พร้อมกับใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่เพื่อเปิดทาง เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจยิงตอบโต้จนเป็นเหตุให้ นายจะคา เสียชีวิต จากนั้นจึงเข้าตรวจสอบภายในรถจนพบของกลางยาเสพติดพร้อมกับอาวุธปืนและระเบิดดังกล่าว
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบ ประวัติ นายจะคา ผู้ตาย พบว่า เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดลำปาง คดีลักลอบขนยาบ้า 4 แสนเม็ด เมื่อปี 2560 แต่ผู้ต้องหาได้หลบหนีหมายจับ ซึ่งก่อนหน้านี้ เครือข่ายของ นายจะคา ได้ถูกตำรวจทยอยจับกุมเรื่อยมา ทั้งภรรยา บุตรชาย และพรรคพวก โดยจับกุมไปแล้วก่อนหน้านี้ประมาณ 7 คน และออกหมายจับเครือข่ายที่ยังหลบหนีอีก 5 คน ถือเป็นเครือข่ายรายสำคัญที่ตำรวจติดตามจับกุม เบื้องต้นจึงทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.ดำเนินการตามกฎหมายพร้อมขยายผลติดตามตัวผู้ร่วมขบวนการที่เหลือมาดำเนินคดีต่อไป
นอกจากนี้ พล.ต.ท.สรายุทธ กล่าวถึงกรณีที่มีตำรวจ 3 นาย ในพื้นที่จังหวัดชุมพร ดื่มกาแฟยี่ห้อดัง แล้วมีอาการวิงเวียนศีรษะทรงตัวไม่อยู่ หมดสติ ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยจากการตรวจสอบปัสสาวะ ก็พบว่า มีสารเสพติดประเภทเมทแอมเฟตามีนในร่างกาย เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเบื้องต้นได้สั่งการให้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน และสืบสวนที่มาของกาแฟดังกล่าว รวมถึงทำการจัดเก็บตัวอย่างกาแฟต้องสงสัยดังกล่าวส่งตรวจพิสูจน์ส่วนผสมแล้ว อยู่ระหว่างรอผลยืนยัน ว่า มีการปนเปื้อนของสารเสพติดหรือไม่ โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้