รายการ “ถอนหมุดข่าว” ทาง NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 25 ต.ค.64 นำเสนอรายงานพิเศษ ลิซ่า-โบเชลลิ ปลุกเที่ยวไทย จ่ายแพงจะได้อะไร
งานเคานต์ดาวน์ปี2564 รับปีใหม่ 2565 เป็นข่าวดัง ด้วยที่การนำ 2 ศิลปินโลก ลิซ่า แบล๊คพิงค์ นักร้องสาวไทยสไตล์เค-พ๊อพของคณะเกิร์ลกรุ๊ป แบล๊คพิงค์ ที่โด่งดังระดับโลกในงานโซโล่ของตัวเอง ที่บริเวณสะพานสารสิน จ.ภูเก็ต
พร้อมกับ นักร้องโอเปราเสียงเทเนอร์ แอนเดรียโบเชลลิ ชาวอิตาเลียน ซึ่งเป็นเบอร์ 1 ของโลก บริเวณสนามหลวง โดยมีฉากหลังเป็นวัดพระแก้ว
การมาแสดงวันเคาต์ดาวน์ในไทยของ 2 นักร้องซูเปอร์สตาร์ต่างแนวดนตรีของโลกคราวนี้ ไม่ล้มแล้ว มีการเตรียมเซ็นสัญญาว่าจ้างในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว คาดว่าใช้งบประมาณทั้งหมดประมาณ 500-600 ล้านบาท
แบ่งเป็นงบประมาณของรัฐ 200 ล้านบาท เบื้องต้นของบกลางจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่วนที่เหลืออีก 300-400 ล้านบาท จะเป็นเงินจากภาคเอกชนที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะดึงมาเป็นพันธมิตรร่วมสนับสนุนการจัดงานเคาท์ดาวน์เพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว หนุนภาพท่องเที่ยวไทยสู่สายตาชาวโลก
สำหรับ แอนเดรีย โบเชลลิ หายป่วยจากโควิด-19 เมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านั้นในเดือนเมษายน ท่ามกลางวิกฤตไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระบาด อิตาลีมีผู้เสียชีวิตมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา
โบเชลลิ ขับร้องเพลง Music For Hope ในวันอีสเตอร์ เพื่อส่งความรัก การเยียวยาจิตใจและความหวังไปให้คนทั่วโลก จากมหาวิหารดูโอโม กลางนครมิลาน และได้ออกมาด้านหน้ามหาวิหารที่ไร้ผู้คนเนื่องจากต้องกักตัวเพื่อป้องกันไวรัส และได้สะกดผู้ฟังให้ตกอยู่ในอาการน้ำตาคลอและขนลุกไปกับบทเพลง Amazing Grace บทสรรเสริญพระเจ้า
เสียงร้องอันไพเราะของนักร้องโอเปราตาบอด วัย 61 ปี ประทับใจผู้ชมจากทั่วโลกที่เข้าชมการถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตนี้ทางยูทูบกว่า 3.4 ล้านคน ก่อนจะเพิ่มยอดเข้าชมกว่า 33 ล้านครั้งภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
โบเชลลิ พร้อมด้วยศิลปินรับเชิญ วงออร์เคสตรา และวงคอรัส เคยมาเปิดแสดงคอนเสิร์ต A Magical Night With Andrea Bocelli ที่ประเทศไทยเมื่อเดือนเมษายน 2558 หรือ 6 ปีที่แล้ว
ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ถือเป็นโอกาสสำคัญในการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มแฟนคลับของวงแบล็กพิงก์ ที่ใช้ชื่อว่าบลิ๊งค์ (Blink) เดินทางมาร่วมงานเคาท์ดาวน์ที่ประเทศไทย ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นส่วนช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยหลังต้องเผชิญวิกฤตโควิด-19 มานานเกือบ 2 ปี
ว่าไปแล้ว ไอดอลสาว ลิซ่า แบล็คพิงค์ เคยสร้างชื่อให้ภูเก็ตร้อนช่าไปทั่วโลกเมื่อปี 2562 นักร้องสาวได้บินจากเกาหลีใต้ไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวที่ทะเลภูเก็ต
พร้อมทั้งยังได้ล่องเรือยอร์ชสุดหรูชมวิวกลางทะเล อวดเรียวขาสวยๆ แผ่นหลังเนียนๆ เที่ยวภูเก็ต จนเหล่าแฟนคลับต่างเข้ามากดไลก์กันกระจายกันเลยผ่านโวเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม
งานนี้ชาว จ.ภูเก็ต มีความคิดแตกเป็นสองฝั่ง มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ด้านไม่เห็นด้วยบอกว่า นำเงิน 200 ล้าน มาช่วยคนภูเก็ตหรือซื้อวัคซีนมีคุณภาพมาให้จะดีกว่า ส่วนคนที่เห็นด้วยบอกน่าจะมีกำไรมากกว่าค่าจ้าง
ส่วนนักวิชาการมองว่า ไอเดียดึง "ลิซ่า" มาโปรโมต แค่กระตุ้นในระยะสั้น ดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันการวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ย้ำว่า สิ่งที่ควรทำในทางวิชาการก่อนการเปิดประเทศ จะต้องฉีดวัคซีนให้ครบโดสอย่างน้อย 60-70% ของประชากร
แนวคิดจะนำ ลิซ่า แบล็กพิงก์ มาร่วมงานเคาต์ดาวน์ปีใหม่ใน จ.ภูเก็ต เพื่อโปรโมตการท่องเที่ยว มองว่าได้ผลพอสมควร แต่ถามว่าควรทำให้ดีกว่านี้จะดีกว่าหรือไม่ ในการคิดแบบยั่งยืน ไม่ใช่ทำให้เกิดความฮอตฮิตเพียงระยะเวลาไม่นาน และในที่สุดคนก็ลืม แต่ควรทำให้เกิดสตอรี่ ให้เกิดรายได้ระยะยาว
“คิดว่าการจ้างลิซ่ามาโปรโมต คงไม่คุ้มในระยะยาว หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคิดได้เท่านี้ เหมือนการสร้างเสาไฟกินรี เรียกให้คนมาถ่ายรูปแล้วก็ไป แต่ควรสร้างสตอรี่ที่ยั่งยืนให้มากกว่านี้ ไม่ใช่ทำงานเช้าชามเย็นชามแบบระบบราชการ”
นานาจิตตัง ก็ว่ากันไป การคว้าตัวสองศิลปินมาโชว์จะประสบผลสำเร็จหรือไม่ หรือแค่เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ก็แล้วแต่แนวคิด และมุมมอง แต่ต้องยอมรับว่างานเคานต์ดาวน์เป็นโอกาสการสร้างสีสันและปลุกกระแสท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย หลังเปิดประตูเมือง รับนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนในวันที่1 พฤศจิกายน
การหวังจะได้เม็ดเงินเข้าประเทศ ก็ต้องมีการลงทุน ตีปี๊บโปรโมทให้โลกรับรู้ แต่ข้อกังวลก็มีว่า การทุ่มเงินจำนวนมากขนาดนี้ สมควรหรือ และจะคุ้มหรือไม่
เรื่องแบบนี้คงไม่อาจวัดผลชัดๆ ได้ แต่ขออย่างเดียว อย่ามีเงินทอนจากงบก้อนนี้ ประเทศไทยก็ไม่ขาดทุนแล้ว