สาวโรงงานท้องป่องไร้คนรับผิดชอบ แอบคลอดในที่ทำงาน กลัวเพื่อนรู้ใช้เชือกผูกรองเท้ารัดคอยัดใส่ถุงดำ ขอให้เพื่อนส่งโรงพยาบาลอ้างปวดท้อง เจ้าหน้าที่ตรวจอาการผิดสังเกต ก่อนเปิดถุงดำที่นำติดมาด้วย ถึงกับผงะพบศพทารกเพศชาย
วันนี้ (26 ก.ย.) ร.ต.อ.บุชิต ทิมา รองสารวัตรสอบสวน สภ.ปากเกร็ด รับแจ้งเหตุจากเจ้าหน้าที่ รพ.ชลประทานปากเกร็ด ว่า มีหญิงสาวคลอดลูก แล้วทำร้ายลูกจนเสียชีวิต ก่อนยัดใส่ถุงดำหน้าตาเฉย มารักษาในโรงพยาบาล โดยแจ้งหมอว่าปวดท้องอย่างหนัก ขณะเจ้าตัวทำงานอยู่ในโรงงานแห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด จึงรายงานเหตุให้ พ.ต.อ.พงษ์จักร ปรีชาการุณพงศ์ ผู้กำกับ สภ.ปากเกร็ด พ.ต.ท.ศุภกฤช เดือนแจ้งรัมย์ รองผู้กำกับสืบสวน สภ.ปากเกร็ด พ.ต.ท.วรพจน์ ฉิมลอย รีบเดินทางไปยัง รพ. ชลประทานปากเกร็ด พบนางสาวสาเรือน ชน อายุ 26 ปี สัญชาติชาวกัมพูชา นอนอยู่บนเตียงในสภาพอิดโรย ข้างตัวมีถุงขยะสีดำ ภายในพบศพเด็กทารกเพศชายอายุครรภ์ 9 เดือน นอนขดตัวเสียชีวิตอย่างน่าเวทนา โดยมีถุงเท้าสีดำรัดอยู่บริเวณลำคอ
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า แม่ใจยักษ์รายนี้ ทำงานอยู่โรงงานผลิตลูกอมแห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด คืนเกิดเหตุนางสาวสาเรือน ได้เข้ากะทำงานปกติ และเกิดปวดท้องอย่างหนัก จึงเข้าห้องน้ำ จากนั้นได้คลอดลูกเป็นทารกเพศชาย ออกมา และกลัวว่าจะมีคนอื่นรู้เห็น เลยใช้เชือกผูกถุงเท้ารัดคอลูกชายจนเสียชีวิต แล้วนำใส่ถุงดำ ผูกมัดปากไว้อย่างดี จากนั้นได้บอกกับทางหัวหน้างานว่าตัวเองปวดท้องอย่างมาก ทางโรงงานจึงรีบนำตัวส่ง รพ.ชลประทานปากเกร็ด เมื่อไปถึงโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ได้ตรวจอย่างละเอียด พบว่า คนไข้มีเศษรกค้างในมดลูกและช่องคลอดมีแผลฉีกขนาดใหญ่ จึงได้รีบนำผู้ป่วยเข้าห้องฉุกเฉินและทำการตรวจอย่างละเอียด เพื่อทำการรักษาอย่างเร่งด่วน
ระหว่างนั้นเองเจ้าหน้าที่และพยาบาลของโรงพยาบาล สังเกตคนไข้ชอบมองและกังวลมองไปที่ถุงดำตลอดเวลา จึงซักถาม แต่คนไข้ไม่ยอมตอบ เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจเปิดถุงดู ก็แทบผงะพบว่าภายในมีศพทารกเพศชาย ถูกฆ่าตายเสียชีวิตดังกล่าว ทางผู้ป่วยเองเอาแต่ร้องไห้แล้วบอกว่าตนเองท้องโดยไม่มีพ่อ เมื่อคลอดทารกออกมาในห้องน้ำของโรงงาน กลัวว่าจะมีคนเห็น แล้วรู้เรื่องเลยตัดสินใจ ฆ่าลูกทิ้งดังกล่าว
เบื้องต้นทาง พ.ต.ท.ศุภกฤช เดือนแจ้งรัมย์ รองผู้กำกับสืบสวน สภ.ปากเกร็ด เผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาแม่ใจยักษ์รายนี้คือ “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แล้วซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย”