ผบช.สตม.สั่งกำชับเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางธรรมชาติ ป้องกัน ผกก.โจ้กับพวก หลบหนีออกนอกประเทศ
วันนี้ (25 ส.ค.) ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. เปิดเผยถึงกรณี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ผู้ต้องหากระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน หรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย หลังใช้ถุงดำคลุมศีรษะรีดเงินจาก นายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติด 2,000,000 บาท ที่ สภ.นครสวรรค์ ว่า ขณะนี้ได้กำชับให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ ช่วยเฝ้าระวัง เนื่องจากปัจจุบันด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ อยู่ระหว่างปิดทำการ เนื่องจากมีวิกฤตโรคโควิด-19 และห้ามมีคนเข้าออกประเทศ แต่ยังอนุญาตเฉพาะรถส่งสินค้าจำเป็น พร้อมกำชับให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองร่วมบูรณาการกับฝ่ายความมั่นคงในการตรวจสอบด่านธรรมชาติทั่วประเทศ ทั้งทางอากาศ ทางน้ำ ในพื้นที่จังหวัดระนอง ที่มีทะเล เชื่อมประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ยังสั่งกำชับให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เฝ้าระวังบุคคลที่ไม่มีหมายจับแต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี ตามที่ ผบ.ตร. ระบุ ถึง 13 นาย โดยถ้าพบตัวให้ล็อกตัวได้ และส่งไปหน่วยงานที่รับผิดชอบ และหากมีปัญหาตัวเองจะเป็นผู้รับผิดชอบในการกระทำของเจ้าหน้าที่ทุกนาย
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หลบหนีไปเชียงแสน และแม่สอด เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะนี้ยังไม่มีรายงานหรือมีสิ่งบอกเหตุ แต่ยืนยันว่า ในพื้นที่ภาค 6 มีรอยต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งแม่สอด อุตรดิตถ์ น่าน ซึ่งเบื้องต้นจากการตรวจสอบฐานข้อมูลกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และระบบไบโอเมตริกส์ ยังไม่พบรายชื่อผู้ต้องหาเข้าสู่ระบบ เดินทางเข้าออกประเทศ
พล.ต.ท.สมพงษ์ เปิดเผยอีกว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกประเทศ เนื่องจากเป็นการกระทำที่ทำให้ตำรวจเสียภาพลักษณ์ และตัวเองก็รับไม่ได้ โดยจะมีการตรวจสอบประวัติการเดินทางย้อนหลังของกลุ่มผู้ต้องหา ว่า มีความสัมพันธ์กับประเทศใดเป็นพิเศษหรือไม่