MGR Online - เลขา รมว.ยธ. รับเรื่องจากตัวแทนผู้เสียหาย ถูกอดีตเจ้าหน้าที่วัดสวนแก้ว อ้างว่า จองฉีดวัคซีนได้ ขอตรวจสอบเส้นทางการเงินเอาผิดผู้ร่วมขบวนการ
วันนี้ (16 ส.ค.) เวลา 10.30 น. ณ บริเวณด้านหน้าชั้น 2 อาคารกระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รับเรื่องร้องเรียนจาก น.ส.จิตรลดา แพร่ไพศาลภูบาล พร้อมตัวแทนผู้เสียหาย ถูกกลุ่มมิจฉาชีพ ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี หลอกให้โอนเงินจองฉีควัคซีนซิโนฟาร์ม มูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท
ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต เผยว่า กระทรวงยุติธรรมรับเรื่องจากผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพ ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่วัดแอบอ้างว่าสามารถจองฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มได้ แต่เมื่อถึงกำหนดกลับไม่มีชื่อในการลงทะเบียน ก่อนผู้เสียหายรวมตัวแจ้งความ และต่อมา ตำรวจ สภ.บางใหญ่ ตามจับกุมผู้ต้องหาได้แล้วเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ถูกดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงประชาชน โดยในส่วนของกระทรวงยุติธรรม จะมอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงินของคนร้ายว่ามีบุคคลใดเกี่ยวข้องหรือไม่ เนื่องจากพบว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัว และไม่ใช่บัญชีวัด
ด้าน น.ส.จิตรลดา กล่าวว่า ตนเองเป็นคนกลาง ที่ชักชวนผู้เสียหายรายอื่นๆ เข้ามาจองวัคซีนหลัง นายเจษฎา ผิวสุวรรณ หรือ อ๊อด อายุ 39 ปี อดีตเจ้าหน้าที่วัดสวนแก้ว ชักชวนว่า สามารถจองฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มได้ โดยส่วนตัวหลงเชื่อ เนื่องจากที่วัดสวนแก้ว มีโครงการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มให้กับประชาชนทั่วไปจริง ประกอบกับมีการให้ลงทะเบียนจองวัคซีนผ่านคิวอาร์โค้ด (QR Code) ทั้งนี้ ตนยังมีคนรู้จักอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนและบางคนเข้าไม่ถึงวัคซีน นับว่าเป็นโอกาสที่ดี จึงรวบรวมผู้ที่สนใจฉีดวัคซีนทั้งหมด 465 ราย ค่าวัคซีนรายละ 2,500 บาท ก่อนที่จะโอนเงินไป 7 ครั้ง รวม 1,162,500 บาท ผ่านบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งทราบภายหลังว่า เป็นมารดาของนายเจษฎา กระทั่งเมื่อถึงกำหนดนัดฉีดที่โรงพยาบาลมิชชั่น วันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา ผู้เสียหายทยอยไปรอรับวัคซีนที่โรงพยาบาล ปรากฏว่า โรงพยาบาลแจ้งไม่มีการจัดสรรวัคซีนใดๆ
น.ส.จิตรลดา กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเองเป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่รอฉีดวัคซีนรอบนี้ รวมถึงมีผู้เสียหายคนอื่นๆ เดินทางมาไกลจากจังหวัดต่างๆ เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น เป็นต้น เพื่อเดินทางมาฉีดวัคซีน ซึ่งไม่ควรที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น โดยยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ป้องกันมิจฉาชีพไปกระทำความผิดในลักษณะนี้ซ้ำอีก เนื่องจากการกระทำของมิจฉาชีพตอกย้ำซ้ำเติมสังคมอย่างร้ายแรง ฉวยโอกาสในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ ยังพบว่า ผู้ต้องหาก็มีหมายจับในข้อหาฉ้อโกงมาก่อนหน้านี้ที่ จ.ชุมพร มาด้วย
