รองอธิบดีอัยการ เผย ผอ.โรงพยาบาลบางกรวย เรียกรับเงินค่าติดตั้งคอมพิวเตอร์ 35% ของค่าจ้าง หรือ 9.3 หมื่นบาท สะเทือนวงการเเพทย์ โทษสูงจำคุกตลอดชีวิต ส่วนข้ออ้างรับไว้เพื่อใช้ในโรงพยาบาลฟังไม่ขึ้น
วันนี้ (6 ส.ค.) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 9 โพสต์เฟซบุ๊ก กรณีข่าวจับ ผอ.โรงพยาบาลบางกรวย เรียกรับเงินผู้รับเหมาติดตั้งคอมฯ 35% อ้างเอามาใช้ใน รพ.ว่า เรื่องนี้สะเทือนวงการแพทย์ หมอเป็นอาชีพที่ทุกคนยกมือไหว้ ให้ความเชื่อถือให้ความเคารพ การแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหาย ซึ่งร้องทุกข์กับทางสำนักงาน ป.ป.ท. ให้ช่วยตรวจสอบพฤติการณ์ของ ผอ.รพ.บางกรวย หลังจากที่ผู้เสียหายเข้าไปประมูลจัดซื้อจัดจ้างติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ภายในโรงพยาบาล ซึ่งมีมูลค่ากว่า 280,000 บาท แต่เจ้าตัวมีการเรียกรับเงินส่วนต่าง 15 เปอร์เซ็นต์ ก่อนที่จะขอขยับเพิ่มเป็น 35 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 93,000 บาท ผู้เสียหายจึงเห็นว่า เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ เพราะจะทำให้ทางผู้รับเหมาขาดทุนเป็นจำนวนมาก จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับ บก.ปปป. จากนั้นได้ทำการสืบสวนสอบสวนจนทราบว่า จะมีการนัดมอบส่งเงินกันในวันนี้ จึงนำเงินของกลางที่ทำสัญลักษณ์ไว้ไปมอบให้ที่โรงพยาบาล และเมื่อผู้อำนวยการรับเงินของกลางแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุม
เรื่องการเรียกรับเงิน อัยการปราบปรามทุจริต ดำเนินคดีเป็นประจำ ผิดกฎหมายอาญา มาตรา 149 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต
มาตรา 151 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
โดยการแจ้งข้อกล่าวหาจะพิจารณาจากข้อเท็จจริงในการสอบสวนหรือไต่สวน การกระทำความผิดของผู้ถูกกล่าวหา หลังจากถูกจับกุมแล้ว ทาง ป.ป.ท.จะไต่สวนหรือสอบสวนให้ได้ความจริง โดยผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิตามกฎหมายที่จะต่อสู้คดีต่อไป
ตนขอฝากแนวทางปฏิบัติ การจัดซื้อจัดจ้าง มีของแถมได้ แต่ต้องเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องคือบริจาคให้หน่วยงาน ห้ามรับไว้เอง เพราะโดยปกติแล้วไม่มีใครเชื่อว่าเงินที่รับไว้เองจะรับไว้เพื่อหน่วยงาน หรือในอนาคตจะมาใช้ประโยชน์กับหน่วยงาน จึงจะเรียกเงินใดใดเก็บไว้เองไม่ได้