ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าแจ้งความตำรวจ สน.ปทุมวัน ดำเนินคดีป้าแต๋น-ทนายตั้ม และพวกรวม 5 คน ช่วยเหลือลุงพลหนีหมายจับคดีน้องชมพู่
วันนี้ (28 มิ.ย.) ที่ สน.ปทุมวัน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำเอกสารหลักฐานเป็นภาพวงจรปิด เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ยูทูบเบอร์ 2 สามีภรรยา และหญิงสาวที่ขับรถมิตซูบิชิ มิราจ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 189 ผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ จากกรณีที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร ได้ออกหมายจับ นายไชย์พล วิภา ผู้ต้องหาคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนที่ลุงพลจะเดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันที่ 2 มิ.ย. และถูกควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.ปทุมวัน ถือว่าเป็นการหนีหมายจับ
โดยยืนยันว่า เมื่อนักกฎหมายรู้อยู่แล้วว่าลุงพลเป็นบุคคลตามหมายจับ แต่ไม่แสดงความบริสุทธิ์ใจพาเข้ามอบตัวในพื้นที่ อีกทั้งยังมีการประกาศกับสื่อมวลชน ว่า จะพาผู้ต้องหาเข้ามอบมาพบ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. หากทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสื่อมเสีย ถือเป็นเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ว่า นักกฎหมายคนดังกล่าวได้ร่วมกับยูทูบเบอร์ 2 คน รวมถึงลุงพล กับป้าแต๋น ภรรยา มีการวางแผนสับเปลี่ยนรถที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ก่อนจะเดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถือว่ามีพฤติกรรมให้การช่วยเหลือแน่นอน ส่วนที่มาแจ้งความในช่วงนี้ปฏิเสธไม่ใช่ปัญหาขัดแย้งส่วนตัว แต่เนื่องจากได้รับมอบหมายจากมารดาของน้องชมพู่ ให้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ ตนจึงเดินทางมา
ด้าน พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ปทุมวัน ระบุว่า เบื้องต้นพบว่า การกระทำของกลุ่มนักกฎหมายและพวกที่ถูกกล่าวหามีพฤติกรรมเข้าข่ายความผิดตามมาตรากฎหมายอาญา 189 ซึ่งตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวนส่งฟ้องศาลตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป