อัยการฟ้องแล้ว"หลงจู้สมชาย-ลูกน้อง"จ้างวางยิงวินจยย.รับจ้างที่พัทยาดับคาที่ ปมแค้นเปิดโปงบ่อนการพนันเครือข่ายภาคตะวันออก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยวันที่ 23 ก.ค.นี้
วันนี้ (18 มิ.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 10 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมชาย หรือหลงจู้สมชาย จุติกิติ์เดชา ขาใหญ่เครือข่ายบ่อนพนันภาคตะวันออก อายุ 55 ปี ชาว จ.ระยอง และ นายมนัส อิ่มนำ อายุ 40 ปี มือปืนรับจ้าง ชาว จ.ชลบุรี เป็นจำเลยที่ 1-2 โดยนายสมชาย จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐาน ร่วมกันใช้ จ้างวาน ให้ฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) ประกอบมาตรา 84 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2559 มาตรา 8
ส่วนนายมนัส จำเลยที่ 2 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุปีนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ใด้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนติตตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว โดยไม่มีเหตุสมควร และโดยไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33,83,289 (4), 371 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2526 มาตรา 4 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเตมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2558 มาตรา 6 พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปีน พ.ศ.2490 มาตรา 4, 7, 8ทวิ,72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง
คำฟ้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 - 28 ก.ค. 2563 เวลากลางวัน และเวลากลางคืนต่อเนื่องกัน นายถาวร สาระกูล และ นายสุพรรณ ใหม่งาม ที่หลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันใช้จ้างวาน นายมนัส จำเลยที่ 2 กับนายนิพนธ์ ปานทอง วางแผนจัดการฆ่า นายประทุม สอาดนัก โดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน โดยจ้างวานเป็นเงิน 200,000 บาท ซึ่งนายมนัส จำเลยที่ 2 กับพวกตกลงรับงานฆ่านายประทุม สอาดนัก ตามที่ถูกใช้จ้างวานให้กระทำความผิดดังกล่าว
ต่อมาเมื่อระหว่างวันที่ 23 -28 ก.ค.2563 นายมนัส จำเลยที่ 2 ได้มีอาวุธปืนพกออโตเมติก (ประกอบขึ้นเอง) ใช้ยิงได้กับกระสุนปีนออโตเมติก ขนาด.45 (11 มม.) ไม่มีเครื่องหมายทะเบียน (ปืนเถื่อน) และไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนอาวุธปืนท้องที่ตามกฎหมาย จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองกระสุนปืน จำนวน 1 อัน และกระสุนปืนออโตเมติก ขนาด.45 จำนวน 6 นัด อันเป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปีนตามกฎหมาย ซึ่งอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวอยู่ในสภาพที่ใช้ยิงร่วมกันได้ และใช้ยิงทำอันตรายแก่ชีวิตและวัตถุได้ ไว้ในครอบครอง เพื่อนำไปใช้เป็นอาวุธสังหารนายประทุม สอาดนัก โดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน อันเป็นความผิดตามฟ้อง
หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 28 ก.ค.2563 เวลากลางวัน นายมนัส จำเลยที่ 2 กับนายนิพนธ์ ที่หลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันวางแผนสังหารนายประทุม สอาดนัก โดยพาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปที่บริเวณวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง แหลมบาลีฮาย ถนนพัทยาใต้ ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่นายประทุม สอาดนัก ขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างอยู่ที่วินดังกล่าว เพื่อดักรอเมื่อนายประทุม ได้รับผู้โดยสารเป็นหญิง 1 คน นั่งซ้อนท้ายออกจากวินรถจักรยานยนต์ไปส่งผู้โดยสาร นายมนัส จำเลยที่ 2 กับนายนิพนธ์ ใช้รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นพีซีเอ็กซ์ สีน้ำเงิน ติดแผ่นป้ายทะเบียนป้ายแดง จำนวน 1 คัน มีนายนิพนธ์ เป็นคนขับขี่ ส่วนนายมนัส จำเลยที่ 2 เป็นคนนั่งซ้อนท้าย นำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่มีใส่เก็บไว้ในกระเป๋าสะพายสีดำที่จำเลยที่ 2 สะพายอยู่ ขับรถสะกดรอยติดตามรถจักรยานยนต์ของนายประทุม ที่กำลังขี่ไปส่งผู้โดยสารหญิง ในซอยพัทยาใต้ 17 หลังโรงเรียนเมืองพัทยา 8 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จังหวัด จ.ชลบุรี อันเป็นการพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยไม่มีเหตุสมควร และไม่ใช่กรณีที่ต้องมีอาวุธปีนติดตัวไปเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ อีกทั้งไม่ใช่เจ้าพนักงานและไม่ได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย
จากนั้นระหว่างที่นายประทุม ยังคงนั่งคร่อมอยู่บนรถจักรยานยนต์ซึ่งจอดอยู่ตรงใกล้ประตูหลังโรงเรียนเมืองพัทยา 8 คนร้ายทั้งสองคน ขี่รถจักรยานยนต์นั่งซ้อนท้ายติดตามมาทันพอดี นายมนัส จำเลยที่ 2 จึงใช้อาวุธปืนที่บรรจุเครื่องกระสุนยิงนายประทุม จำนวน 1 นัด โดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกบริเวณกะโหลกศีรษะด้านหลังทะลุออกบริเวณหัวตาขวาลูกตาฉีก เป็นเหตุให้นายประทุม ถึงแก่ความตายทันทีในที่เกิดเหตุ
เหตุเกิดที่ ต.เชิงเนิน อ.เมืองระยอง จ.ระยอง และ ต.นาเกลือ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เกี่ยวพันกัน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจยึดลูกกระสุนปืน ออโตเมติก (ทองแดงหุ้มตะกั่ว) ขนาด .45 จำนวน 1 ลูก และปลอกระสุนออโตเมติก ขนาด.45 จำนวน 1 ปลอก ที่ตกอยู่บริเวณที่เกิดเหตุไม่ไกลจากศพนายประทุม สอาดนัก ที่ใช้ในการกระทำผิดดังกล่าวไว้เป็นของกลาง ต่อมาวันที่ 29 ก.ค.2563 เจ้าหน้าพนักงานตำรวจได้ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า รุ่นพีซีเอ็กซ์ สีน้ำเงิน ติดแผ่นป้ายทะเบียนป้ายแดง จำนวน 1 คัน ที่นายมนัส จำเลยที่ 2 กับพวกใช้เป็นพาหนะในการไปกระทำผิด รวมทั้งอาวุธปืนพกออโตเมติก (ประกอบขึ้นเอง) ใช้ยิงได้กับกระสุนปีนออโตเมติกขนาด.45 ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนจำนวน 1กระบอก พร้อมซองกระสุนปืน
จำนวน 1 อัน ภายในซองกระสุนปืนมีลูกกระสุนปีนออโตเมติก ขนาด.45 จำนวน 5 นัด ที่นายมนัส จำเลยที่ 2 มีไว้และใช้ในการกระทำผิด หลังจากนั้นวันที่ 30 ก.ค.2563 ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายมนัส จำเลยที่ 2 และนายนิพนธ์ ตามหมายจับของศาลจังหวัดพัทยา ที่ จ.206/2563 และที่ จ.207/2563 ลงวันที่ 30 ก.ค.2563 ตามลำดับ และได้ยึด โทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อซัมซุง สีดำ ของนายมนัส จำเลยที่ 2 และ โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Huawei สีดำ ของนายนิพนธ์ ซึ่งทั้งสองใช้ติดต่อในการกระทำความผิด
และวันที่ 8 ธ.ค. 2563 ตำรวจได้จับกุมตัว นายถาวร สาระกูล และนายสุพรรณ ใหม่งาม ซึ่งได้
ร่วมกับนายสมชาย จำเลยที่ 1 ใช้จ้างวานจำเลยที่ 2 กับพวกไปฆ่าผู้ตาย และได้ยึดโทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อแอปเปิ้ล รุ่นไอโฟน 7 พลัส สีดำ ของนายถาวร สาระกูล และโทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อแอปเปีล รุ่นไอโฟน 4 สีเทา ของนายสุพรรณ ใหม่งาม ที่ใช้ในการติดต่อสั่งการ นายมนัส จำเลยที่ 2 และรับคำสั่งจาก นายสมชาย จำเลยที่ 1 ในการวางแผนและฆ่าผู้ตาย ขณะที่ตำรวจได้จับกุมตัวนายสมชาย จำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 25 มี.ค.2564 ก่อนส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ซึ่งพนักงานสอบสวนได้สอบสวนนายสมชาย จำเลยที่ 1 และนายมนัส จำเลยที่ 2 แล้ว
ในชั้นสอบสวน นายสมชาย จำเลยที่ 1ให้การปฏิเสธ ส่วนนายมนัส จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพตลอดข้อหา
โดยระหว่างสอบสวน นายสมชาย จำเลยที่ 1 ถูกควบคุมตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.2563 มาตลอด และขณะนี้ต้องขังตามหมายขังของศาล จึงขอได้เบิกตัว นายสมชาย จำเลยที่ 1มาพิจารณาพิพากษาต่อไป ส่วนนายมนัส จำเลยที่ 2 และนายนิพนธ์ ปานทอง ผู้ต้องหา หลังจากถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 30 ก.ค.2563 พนักงานสอบสวนได้นำตัวทั้งสองคน ไปฝากขังต่อศาลจังหวัดพัทยาจนครบระยะฝากขัง 84 วัน พนักงานสอบสวนยังสอบสวนไม่เสร็จ ศาลจังหวัดพัทยาจึงได้ปล่อยตัวไป ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนได้ยื่นขอศาลอาญาออกหมายจับนายมนัส และนายนิพนธ์ ซึ่งศาลอาญาได้ออกหมายจับนาย มนัส จำเลยที่ 2 และนายนิพนธ์ ผู้ต้องหา ตามหมายจับที่ 888/2564 และที่ 889/2564 ลงวันที่ 10 มิ.ย.2564 ตามลำดับ ต่อมาวันที่ 16 มิ.ย.2564 ตำรวจได้จับกุมตัวนายมนัส จำเลยที่ 2 ได้ที่จ.ชลบุรี ส่งพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนนายนิพนธ์ ผู้ต้องหา อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
สำหรับนายถาวร สาระกูล และ นายสุพรรณ ใหม่งาม หลังจากที่ถูกจับกุมตัวตามหมายจับของศาลอาญา ก็ได้ส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 2กองบังคับการปราบปรามดำเนินคดี พนักงานสอบสวนได้นำตัวนายถาวร สาระกูล และนายสุพรรณ ใหม่งาม ฝากขังต่อศาลอาญา จนครบกำหนดฝากขัง 84 วัน แต่เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จลิ้น ศาลจึงได้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งสองไป ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ยื่นขอศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสอง ศาลอาญาได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองดังกล่าวแล้ว ตามหมายจับที่ 891/2564 และที่ 890/2564 ลงวันที่ 10 มิ.ย.2564 ตามลำดับ กำลังอยู่ระหว่างสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหาทั้งสองมาดำเนินคดีต่อไป
ท้ายคำฟ้องยังระบุว่า ก่อนกระทำผิดคดีนี้ นายมนัสจำเลยที่ 2 เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลจังหวัดพัทยา ให้จำคุก 2 ปี ในความผิดฐานพยายามวิ่งราวทรัพย์ ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1387/2558 พ้นโทษเมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2561ภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันพ้นโทษจำคุกดังกล่าว นายมนัส จำเลยที่ 2 ได้กลับมากระทำผิดคดีนี้อีก จึงขอศาลเพิ่มโทษจำคุกแก่ นายมนัส จำเลยที่ 2 ในคดีนี้ตามกฎหมาย
และหากจำเลยที่ 1-2 ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาล ซึ่งปรากฎว่าไม่มีญาติมายื่นประกันตัวจำเลยทั้งสองคนแต่อย่างใด
ศาลอาญาประทับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.1415/2564 โดยนัดสอบคำให้การจำเลยทั้งสองวันที่ 23 ก.ค.นี้เวลา 09.00 น.นัดสอบคำให้การจำเลย ในวันที่ 23 ก.ค.นี้ 09.00 น.