MGR Online -“อธิบดีกรมคุก” เผยผู้ต้องขังติดโควิดใหม่ 26 ราย รักษาหาย 412 ราย ระหว่างดูแล 6,499 ราย ทยอยฉีดวัคซีนกระจายทั่วประเทศ
วันนี้ (16 มิ.ย.) นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 15 มิ.ย.64 เวลา 16.00 น.) ว่า มีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ 26 ราย รักษาหายวันนี้ 412 ราย ทำให้มีผู้ต้องขังติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 6,499 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิตในวันนี้ โดยภาพรวมมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง พบเรือนจำทัณฑสถานที่เป็นเรือนจำสีขาวไม่พบการแพร่ระบาดคงที่ จำนวน 129 แห่ง และสีแดงที่พบการแพร่ระบาด 12 แห่งคงเดิม
“โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้มีจำนวนที่ลดลง และเป็นการตรวจพบการติดเชื้อจากเรือนจำทัณฑสถานที่พบการแพร่ระบาดเดิม จากการ SWAB เพื่อตรวจหาเชื้อซ้ำ จำนวน 25 ราย และพบในห้องกักโรค 1 รายจากเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นผู้ต้องขังเข้าใหม่จากภายนอก ขณะที่จำนวนผู้รักษาหายวันนี้ 412 ราย รวมหายป่วยสะสม 26,523 ราย หรือเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อสะสม และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 มีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 28 ราย หรือ 0.08 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด”
นายอายุตม์ กล่าวต่อว่า แม้ว่าแนวโน้มของสถานการณ์จะเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น ทั้งในส่วนของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่น้อยลง จำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายเพิ่มขึ้น รวมถึงมาตรการคัดกรองผู้ต้องขังเข้าใหม่ที่สามารถตรวจหาเชื้อและสกัดไม่ให้นำเชื้อเข้าสู่เรือนจำทัณฑสถานชั้นในได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตาม กรมราชทัณฑ์ ยังคงเน้นย้ำ ให้เรือนจำทัณฑสถานทุกแห่ง รักษามาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ทั้งการป้องกันเชื้อ การค้นหาและดูแลรักษาผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็ว การป้องกันไม่ให้นำเชื้อออกสู่ภายนอก และการเร่งสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง
นายอายุตม์ เปิดเผยว่า ปัจุจุบัน มีเรือนจำทัณฑสถานได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วจำนวน 42 แห่ง รวมทั้งสิ้นจำนวน 51,003 โดส เป็นวัคซีนที่ได้รับการจัดสรรจากกรมควบคุมโรค 41 แห่ง จำนวน 45,000 โดส และจากจังหวัดภูเก็ตที่จัดสรรให้เรือนจำจังหวัดภูเก็ต อีก 1 แห่ง ซึ่งครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายแรก คือ เรือนจำสีขาวในพื้นที่สีแดงและสีแดงเข้ม เรือนจำสีแดงที่สามารถแยกผู้ต้องขังที่ไม่ติดเชื้อเพื่อรับวัคซีนได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบางที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเป็นพิเศษ และในขณะนี้ยังอยู่ระหว่างประสานกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อกระจายวัคซีนไปยังเรือนจำสีขาวในเขตพื้นที่อื่นๆ จนกว่าจะครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงการฉีดวัคซีนในเข็มที่ 2 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับแผนการกระจายวัคซีนของประชาชนทั่วไป