MGR Online - เหยื่อ “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” รวมตัวยื่นหลักฐานใหม่ให้กองปราบตรวจสอบการระดมทุน 500 ล้าน ซื้อหุ้นบริษัท พุทธธรรมประกันภัย ส่อไม่โปร่งใส พบพิรุธขายหุ้นต่อให้คนมีสี
วันนี้ (28 พ.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. นายสมิษฐ์ มหาปิยศิลป์ อายุ 56 ปี พร้อมกลุ่มผู้เสียหายถูกหลอกลงทุนกับเอ็มกรุ๊ป เครือข่าย นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก เข้ายื่นจดหมายพร้อมเอกสารหลักฐานมอบให้กับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพื่อขอให้ตรวจสอบการโอนซื้อขายหุ้นของ บริษัท พุทธธรรมประกันภัย จำกัด (มหาชน) และเส้นทางการรับโอน และชำระเงินของ พ.ต.พญ.อมราภรณ์ วิเศษสุข หนึ่งในผู้ต้องหาขบวนการดังกล่าวที่ถูกจับกุมตัวไปก่อนหน้านี้
นายสมิษฐ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการส่งหลักฐานใหม่ให้พนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญการโอนขายหุ้นของบริษัท พุทธธรรมประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดย นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ได้ประกาศเมื่อเดือนสิงหาคม 2563 ว่า จะใช้เงินประมาณ 500 ล้าน จากการระดมทุนจากกลุ่ม 3 พันคน ซื้อหุ้นของ บริษัท พุทธธรรมประกันภัย ในราคาประมาณ 400-500 ล้านบาท แต่ปรากฏหลักฐานการถือหุ้นใหญ่เป็น พ.ต.พญ.อมราภรณ์ คนใกล้ชิด นายประสิทธิ์ ถือหุ้น 26 ล้านหุ้น จาก 30 ล้านหุ้น เป็นเรื่องผิดปกติว่านำเงินจากที่ไหนมาซื้อ ซึ่งต่อมาเดือนเมษายน 2564 พ.ต.พญ.อมราภรณ์ ได้โอนขายหุ้นให้กับคนมีสี 2 คน ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดนายประสิทธิ์ จากนั้น 4 พฤษภาคม 2564 พบสัญญาซื้อขายหุ้นของ พ.ต.พญ.อมราภรณ์ กับนักธุรกิจ ที่มีความเกี่ยวข้องกับสหกรณ์แห่งหนึ่ง ได้ซื้อขายหุ้นประมาณ 80 ล้านบาท ปรากฏว่า ในสัญญากลับโอนเงินให้ พ.ต.พญ.อมราภรณ์ เพียง 20 ล้านบาท อีก 60 ล้านบาท ได้โอนกลับไปให้ บริษัทพุทธธรรมประกันภัย ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมาก
นายสมิษฐ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังยื่นเรื่องให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบ บจก.เอ็มโกลด์ฟิวเจอร์ ที่พวกตนถูกหลอกให้ใช้บัตรเครดิตรูดทองคำแท่งจากห้างทองต่างๆ แล้วนำมาฝากขายให้บริษัท ซึ่งตีราคาขึ้นมา จากนั้น บจก.เอ็มโกลด์ฟิวเจอร์ ก็นำไปฝากในบริษัทของนายประสิทธิ์ ซึ่งปรากฏข้อมูลผู้ถือหุ้นใน บจก.เอ็มโกลด์ฟิวเจอร์ ยังถือหุ้นใหญ่ในบริษัท พุทธธรรมประกันภัย ใกล้ชิดและเกี่ยวโยงกับนายประสิทธิ์ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม พวกตนยังขอสนับสนุนและให้กำลังใจตำรวจที่คัดค้านการประกันตัว นายประสิทธิ์ และผู้ต้องหาทั้งหมดในคดีนี้
เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้รับหนังสือหลักฐานรายละเอียดการโอนถ่ายหุ้นดังกล่าวไว้พิจารณาต่อไป