ศาลอนุญาตฝากขัง 2 ผู้ต้องหาม็อบรีเด็ม ก่อความวุ่นวายหน้าศาลอาญา-ซอยรัชดา 32 หลังตำรวจพหลโยธินจับกุมข้อหาต่อสู้ขัดขวางทำร้ายเจ้าพนักงาน-มั่วสุมก่อความวุ่นวาย-ฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อ และยื่นศาลฝากขังผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ล่าสุด ส.ส.พรรคก้าวไกล ใจดี ยื่นมือช่วยประกัน แต่ศาลไม่อนุญาต ระบุเกรงจะหลบหนี
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (3 พ.ค.) พ.ต.ท.ศักดินาถ หนูฉ้ง พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ได้ยื่นคำร้องฝากขัง นายร่อซีกัน นิยมเดชา ชาว ต.บ่อตรุ อ.ระโนด จ.สงขลา อายุ 20 ปี และ น.ส.หทัยรัตน์ แก้วสีคราม ชาว ต.บางปู อ.เมือง จ.สมุทรปราการอายุ 20 ปี ผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย คดีร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีหรือใช้อาวุธโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปฯ จากเหตุการณ์ชุมนุมบริเวณหน้าศาลอาญา เมื่อช่วงค่ำวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา
โดยเป็นการฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 3-14 พ ค. 2564 ผ่านระบบ Video Conference ระหว่างศาลอาญา กับสถานที่ควบคุมตัวผู้ต้องหา สน.พหลโยธิน
ซึ่งพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหากระทำความผิดฐานร่วมกันต่อสู้ หรือ ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมี หรือใช้อาวุธโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป, ร่วมกันทำร้ายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจ, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยผู้กระทำความผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ, เมื่อเจ้าพนักงานส่งให้ผู้มั่วสุมเพื่อกระทำผิดตามมาตรา 215 ให้เลิกไป แต่ผู้กระทำไม่เลิก, ร่วมกันทำให้เสียหายทำลายทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย, ร่วมกันมั่วสุมหรือทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดเกิน 20 คน ในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคติดต่อ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 138 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง, 140 วรรคหนึ่ง, 295 ประกอบมาตรา 289(2), 215 วรรคหนึ่ง, มาตรา 216 และตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 ข้อกำหนดที่ออกตามความมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 22 ข้อ 3 ประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 25) ข้อ 2.5, มาตรา 18 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558
คำร้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 16.55 น. มีกลุ่มมวลชนมารวมตัวกันประมาณ 300 คน เพื่อทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ทางการเมืองที่บริเวณหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. ตามที่ได้มีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “เยาวชนปลดแอก-Free YouTH” เชิญชวนให้ประชาชนมาเข้าร่วมทำกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งแม้ว่ามวลชนที่เข้ามาร่วมกิจกรรมดังกล่าวส่วนใหญ่จะได้สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า แต่ก็ไม่ได้มีการเว้นระยะที่ห่างกันเกิน 1 เมตร ตามมาตรการเฝ้าระวังโรคติดต่อ (โควิด-19) แต่อย่างใด โดยการทำกิจกรรมดังกล่าวมีการรวมของกลุ่มบุคคลที่มีความแออัดเกิน 20 คน ในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคติดต่อ (โควิด -19) ตามความใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 ประกอบ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการประกาศยุติการจัดกิจกรรมและให้มวลแยกย้ายเดินทางออกจากพื้นที่ แต่ปรากฏว่า ได้มีมวลชนบางส่วนยังคงรวมตัวกันอยู่ที่บริเวณหน้าศาลอาญา จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น. พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.พหลโยธิน จึงประกาศแจ้งให้มวลชนดังกล่าวยุติกิจกรรมและแยกย้ายเดินทางออกจากพื้นที่ โดยหากยังไม่ปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะดำเนินการเข้าตรวจสอบ ต่อมาได้มีมวลชนบางส่วนได้ข้ามถนนไปยังบริเวณปากซอยรัชดาภิเษก 32 ซึ่งอยู่บริเวณตรงข้ามศาลอาญา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำกำลังชุดควบคุมฝูงชนเข้าไปในพื้นที่การจัดกิจกรรมและดำเนินการขอคืนพื้นที่ แต่กลุ่มมวลชนที่รวมตัวกันบริเวณ ปากซอยรัชดาภิเษก 32 ได้ขว้างปาสิ่งของและวัตถุระเบิด (ระเบิดปิงปอง) เข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนเป็นเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจากพลุ หรือวัตถุระเบิดที่กลุ่มมวลชนปาใส่จำนวนหลายนาย จากนั้นตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจึงได้นำกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์จนกลุ่มมวลชนบริเวณดังกล่าวถอยร่นเข้าไปภายในซอยดังกล่าว
ตำรวจชุดจับกุมและตำรวจชุดควบคุมฝูงชน สังกัด บก.น.4 ซึ่งได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาจึงได้เข้าไปดูแลพื้นที่ภายในซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19 บริเวณร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19 ซึ่งเป็นทางเชื่อมต่อกับซอยรัชดาภิเษก 32 ปรากฏว่า เมื่อเดินทางไปถึงได้พบกับกลุ่มมวลชนที่รวมกลุ่มกันที่บริเวณดังกล่าวประมาณ 30 คน เมื่อกลุ่มมวลชนดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ขว้างปาสิ่งของและวัตถุระเบิดอีกทั้งได้นำไม้เข้ามาทุบทำลายรถยนต์และรถตู้ที่นำกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเข้ามาในพื้นที่จนได้รับความเสียหาย
เมื่อตำรวจชุดจับกุมได้ลงมาจากรถยนต์และสามารถตั้งรูปขบวนได้จึงได้เข้าทำการกดดันให้กลุ่มมวลชนถอยร่นไป แต่ปรากฏว่ากลุ่มมวลชนบางส่วนได้ขี่รถจักรยานยนต์อ้อมมาที่บริเวณด้านหลังของขบวนและได้เข้าทุบทำลายรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตั้งขบวนเข้ากดดันให้ล่าถอยและติดตามจับกุมอีกครั้งจนมาถึงบริเวณทางขึ้นสะพานข้ามคลองลาดพร้าว ภายในซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19 เจ้าหน้าที่ตำรวจพบนายร่อซีกัน น.ส.หทัยรัตน์ ผู้ต้องหาที่ 1, 2 อยู่ที่บริเวณดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจำได้ว่าบุคคลทั้งสองคนอยู่ในกลุ่มมวลชนที่เข้ามาทุบทำลายและขว้างปาสิ่งของเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์ และน่าเชื่อว่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันกับมวลชนที่รวมตัวกันที่บริเวณปากซอยรัชดาภิเษก 32 ที่ได้ขว้างปาวัตถุระเบิดหรือพลุเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าควบคุมสถานการณ์จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บหลายนาย และอยู่ในกลุ่มมวลชนที่เข้าร่วมการจัดกิจกรรมบริเวณหน้าศาลอาญาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ซึ่งจากตรวจสอบพบว่า มีรถยนต์ 5 คัน ที่ได้รับความเสียหายจากการถูกกลุ่มมวลชนขว้างปาสิ่งของและเข้าทุบทำลาย
เหตุเกิดที่บริเวณทางขึ้นสะพานข้ามคลองลาดพร้าวภายในซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19 ถนนรัชดาภิเษก แขวงจันทรเกษม จตุจักร กทม. ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสอง ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาการกระทำของผู้ต้องหาทั้งสองเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 138 วรรคหนึ่ง, วรรคสอง, 140 วรรคหนึ่ง, 295 ประกอบมาตรา 289(2), 215 วรรคหนึ่ง, มาตรา 216 และตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ข้อกำหนดที่ออกตามความมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก
ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 22 ข้อ 3 ประกาศกรุงเทพมหานครเรื่องสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 25) และ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองเป็นเวลา 12 วัน เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นโดยจะต้องสอบพยาน จำนวน 6 ปาก, รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาทั้งสองมาประกอบสำนวนการสอบสวนเพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณา
ท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนยังระบุว่า ขอคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหาทั้งสองเนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไป เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีและยากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดีในภายหลัง
ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้
ต่อมา น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้ใช้ตำแหน่ง ส.ส.ยื่นประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสองคน
ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีประกอบคำคัดค้านของพนักงานสอบสวนแล้ว เห็นว่า หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสองไป มีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสองจะหลบหนีจึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวให้ยกคำร้อง
วันเดียวกัน ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ยื่นคำร้องขอให้ศาลตรวจสอบการจับกุม 1 ในเยาวชนที่ร่วมชุมนุมกับกลุ่มรีเดม ศาลได้ทำการไต่สวนตามที่พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ผู้ร้องขอแล้ว มีคำสั่งว่าให้ออกหมายควบคุมเว้นแต่มีประกัน ต่อมาผู้ปกครอง ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหา ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา โดยให้ทำสัญญาประกัน วางหลักประกันจำนวน 10,000 บาท
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดหลายข้อหา จึงเห็นควรเรียกหลักประกันเพื่อป้องกันมิให้หลบหนี เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงระบาดของเชื้อโควิด-19 หากควบคุมผู้ต้องหาอาจได้รับการติดเชื้อ จึงเห็นสมควรปล่อยชั่วคราว แต่ให้เรียกหลักประกัน วันนี้ผู้ต้องหานำเงินมาเพียง 2,000 บาท จึงให้วางเป็นหลักประกัน ส่วนที่เหลือให้วางภายใน 15 วัน นับแต่วันนี้ โดยให้วางส่วนที่เหลือถึงวันที่ 17 พ.ค. 2564 หากนำเงินมาวางครบให้ใช้สัญญานี้เป็นสัญญาประกันต่อไป และนัดรายงานตัว ในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ เวลา 08.30 น.