xs
xsm
sm
md
lg

“อรรถพล ใหญ่สว่าง” แจงผลสอบ “เนตร นาคสุข” ล่าช้า เหตุประธานสอบลาออก-พ้นวาระ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.)
“อรรถพล ใหญ่สว่าง” ประธาน ก.อ.แจงผลสอบ “เนตร นาคสุข” สั่งไม่ฟ้อง “บอส-วรวิทย์” ล่าช้าติดขัดขั้นตอนสอบข้อเท็จจริง หลังประธานสอบลาออก-พ้นวาระ

วันนี้ (16 เม.ย.) นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ทายาทตระกูลนักธุรกิจเครื่องดื่มชื่อดัง ขับรถชนดาบตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตว่า สืบเนื่องจากคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน สรุปผลการตรวจสอบส่งไปยังนายกฯ แล้ว เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) แจ้งว่า เรื่องนี้นายกฯ ให้ส่งยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดก็เป็นหน่วยงานหนึ่งที่เกี่ยวข้อง ต่อมาเลขาฯ ป.ป.ท.ได้นำฉบับเต็มมาส่งให้ ก.อ. โดยเอกสารและพยานวัตถุทั้งหมดเป็นเอกสารลับ

นายอรรถพลกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การที่จะสอบสวนบุคคลใดนั้น ความเห็นของคณะทำงานชุดนายวิชาสรุปได้ง่ายๆ ว่ามีอัยการเกี่ยวข้อง 3 คน คือ 1. นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นผู้สั่งคดี ถูกกล่าวหาผิดวินัยร้ายแรงและอาญา 2. อัยการสูงสุด ซึ่งถูกกล่าวหาผิดจริยธรรม เนื่องจากทราบว่ามีการสั่งคดีที่ไม่ถูกต้องแล้วไม่ได้ดำเนินการแก้ไข และ 3. บุคคลซึ่งเป็นข้าราชการอัยการร่วมกระทำผิดด้วย แต่ไม่ทราบชื่อเสียงเรียงนาม แต่มีคลิปเสียงประกอบ

ในที่ประชุมพิจารณาแล้วว่า การที่จะดำเนินการสอบตามที่ตั้งมานั้นจะไปสอบตามข้อกล่าวหาทันทีทั้ง 3 คนไม่ได้ จะพิจารณาได้เฉพาะนายเนตร แต่ก็จะสอบตามที่ระบุว่ามีความผิดวินัยอย่างร้ายแรงเลยก็ไม่ได้อีก เนื่องจากตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2553 ระบุไว้ชัดว่า การที่จะสอบสวนวินัยได้นั้นต้องมีการสอบข้อเท็จจริงเสียก่อน และการสอบวินัยข้าราชการอัยการได้จะต้องมีหลักเกณฑ์ที่ออกเมื่อปี 2554 เฉพาะข้าราชการอัยการระดับที่ต่ำกว่ารองอัยการสูงสุด

“ดังนั้น การจะสอบนายเนตรต้องออกหลักเกณฑ์เสียก่อน ก็เลยมีการพิจารณาหลักเกณฑ์ในการสอบระดับรองอัยการสูงสุดเข้าที่ประชุม ที่ประชุมก็เห็นชอบด้วย เมื่อผ่าน ก.อ.แล้วต้องไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงจะเริ่มสอบได้ ในหลักเกณฑ์ดังกล่าว หลักสำคัญในการสอบก็คือ จะสอบวินัยได้ก็ต่อเมื่อต้องสอบสวนข้อเท็จจริงชั้นต้นก่อน ได้ข้อสรุปว่าผิดวินัยหรือไม่ ถ้าไม่ผิดก็จบ แต่ถ้าผิด ผิดวินัยร้ายแรงหรือผิดวินัยธรรมดา”

นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด
นายอรรถพลกล่าวอีกว่า กรณีนี้มีการสอบสวนชั้นต้นโดยตั้งกรรมการจาก ก.อ. ประธานกรรมการในการสอบสวนชั้นต้น ซึ่งมาจากบุคคลภายนอก คือ นายไพรัช วรปาณิ เป็นประธาน ปรากฏว่าสอบไปแล้วก็มีการร้องขอความเป็นธรรมจากนายเนตร ว่าทำไมถึงมีการสอบโดยใช้หลักเกณฑ์สอบรองอัยการสูงสุด เพราะขณะถูกสอบเป็นอัยการอาวุโส น่าจะเป็นหลักเกณฑ์การสอบข้าราชการอัยการที่ต่ำกว่ารองอัยการสูงสุด พอเจอปัญหานี้ขึ้นมา นายไพรัช ลาออก ก.อ. ก็เลยตั้งประธานคนใหม่ คือ นายประสาน หัตถกรรม เป็นประธาน ซึ่งก็ดำเนินการสอบสวนชั้นต้นต่อไป

“การสอบสวนดังกล่าวนี้ ผมในฐานะประธาน ก.อ.ไม่อาจไปก้าวล่วงได้ เขาก็รายงานให้ทราบว่าสอบสวนยังไม่เสร็จ ขอขยายเวลา ปัจจุบันนี้นายประสานซึ่งเป็น ก.อ.ก็หมดวาระไปเมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา การสอบสวนยังไม่เสร็จ ปัญหาว่าจะสอบต่อไปได้ไหม ความเห็นส่วนตัวต้องเสนอตั้งประธานกรรมการสอบสวนชั้นต้นขึ้นมาใหม่ คาดการณ์ว่าน่าจะเสนอตั้งวันที่ 21 เมษายน ซึ่งจะมีการประชุม ก.อ. จึงยังไม่ได้ข้อสรุปว่านายเนตรผิดวินัยหรือไม่อย่างไร” ประธาน ก.อ.กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงการดำเนินการกับอัยการสูงสุดและอัยการที่ไม่ทราบชื่อ นายอรรถพลกล่าวว่า ในที่ประชุมคุยกันแล้ว สอบสวนคนแรกให้เสร็จก่อน แล้วจึงจะมาสอบอีก 2 ท่าน เพราะว่าคนที่ถูกกล่าวหากระทำความผิดหลักควรพิจารณาให้เสร็จก่อน นอกเหนือจากนี้ ถ้าจะมีการสอบสวนชั้นต้นอัยการสูงสุด ไม่ว่าวินัยหรือจริยธรรม ต้องมีการกำหนดหลักเกณฑ์ก่อนจึงจะทำได้ ซึ่งปัจจุบันนี้ยังไม่มีการกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าว

เมื่อถามว่าการกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าวสามารถทำล่วงหน้าได้หรือไม่ นายอรรถพลกล่าวว่า อยู่ที่ ก.อ.พิจารณาว่าควรจะเป็นอย่างไรในการกำหนดหลักเกณฑ์ กรณีเช่นนี้ปรากฏว่าภารกิจในช่วงที่มีการสอบสวนยังไม่เสร็จอย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงเดือนมีนาคม เป็นการโยกย้ายอัยการ จึงไปเน้นหนักเรื่องการโยกย้าย ตอนนี้อัยการได้ย้ายกันแล้ววันที่ 1 เมษายน การกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ก่อนกำหนดได้ แต่การพิจารณาที่ยังไม่กำหนด เพราะ 1. เป็นฤดูกาลโยกย้าย 2. ก.อ.เปลี่ยนชุดเลือกตั้งใหม่ 3. อาจจะมีปัญหา ประธาน ก.อ.เปลี่ยนอีก

“ถ้ามีการสอบอัยการสูงสุดจริงแล้ว หลักเกณฑ์ต้องออกมา ที่มองกันว่าทำไมถึงช้า เผอิญยังไม่มีประเด็นสอบอัยการสูงสุดหรือไม่ หลักเกณฑ์จึงไม่ได้เร่งรีบ ที่ไม่มีไม่ใช่ว่าดึงให้ช้า แต่เกิดจากสอบรองเนตร นาคสุข ยังไม่เสร็จ เพราะเราตั้งสมมติฐานต้องสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นกระแสสังคมให้เสร็จเสียก่อนจึงรู้ว่าใครผิดหรือไม่ผิด สมมติถ้ารองเนตร นาคสุข ไม่ผิด จะว่าอัยการสูงสุดผิดได้อย่างไร” นายอรรถพลกล่าว

เมื่อถามถึงกรอบเวลาในการสอบข้อเท็จจริงหลังตั้งกรรมการสอบชุดใหม่จะใช้เวลานานเท่าไหร่ นายอรรถพลกล่าวว่า ตอบไม่ได้ เพราะการสอบหลักเกณฑ์ใช้ครั้งหนึ่ง 30 วัน แต่ขอขยายได้อีก 30 วัน ขยายตามความจำเป็น ตั้งกรอบไม่ได้ อยู่ที่ผู้ปฏิบัติว่าจะเป็นอย่างไร อาจจะถามว่าประธานทำไมไม่เร่งรัด ก็เร่งรัดทุกครั้ง พอขอขยายเราก็เร่งรัดไป แต่ถ้าเราไปกำหนดต้องเสร็จภายในเท่านี้ เหมือนกับไม่ให้ความเป็นธรรมจะเกิดปัญหา เนื่องจากว่าถ้าทำไม่เป็นระบบแล้วอาจจะถูกฟ้องศาลปกครองให้เพิกถอนคำสั่งได้
กำลังโหลดความคิดเห็น