MGR Online -“วิตถวัลย์” เผยวันที่ 6 การควบคุมช่วงสงกรานต์ มีทั้งหมด 3,823 คดี เมาขับรถ มากสุด 3,810 คดี แนะประชาชนเดินทางกลับช่วยป้องกันโควิด-19
วันนี้ (16 เม.ย.) นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวถึงสถิติคดีขับรถในขณะเมาสุราที่ศาลสั่งคุมความประพฤติ ต้อนรับวันเดินทางกลับจากหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ 15 เม.ย. มีจำนวนเพียง 80 คดี เนื่องจากศาลปิดทำการ ทำให้ตัวเลขสถิติยอดรวม 6 วันที่มีการควบคุมเข้มงวด (10-15 เม.ย.) มีจำนวนทั้งสิ้น 3,823 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา จำนวน 3,810 คดี คิดเป็นร้อยละ 99.66, คดีขับเสพ จำนวน 11 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.29, คดีขับรถประมาท จำนวน 2 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.05 ส่วนจังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถขณะเมาสุราสะสมสูงสุด 3 อันดับยังคงเดิม ได้แก่ 1. ชัยภูมิ 290 คดี 2. เชียงราย 264 คดี และ 3. บุรีรัมย์ 251 คดี
นายวิตถวัลย์กล่าวอีกว่า ในส่วนของการติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว หรือกำไล EM กับผู้กระทำผิดเมาแล้วขับยังไม่มีเพิ่มเติม ยังคงตัวเลขสะสม 6 วันอยู่ที่ จำนวน 19 ราย โดยมีเงื่อนไขห้ามออกจากที่พักอาศัย ในช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00-04.00 น. เป็นระยะเวลา 15 วัน พักใช้ใบอนุญาตขับขี่เป็นเวลา 6 เดือน ทั้งนี้ สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศเฝ้าติดตามและควบคุมดูแลผู้กระทำผิดตลอด 24 ชั่วโมงผ่านศูนย์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (Electronic Monitoring Control Center - EMCC) พร้อมประสานเครือข่ายภาคประชาชน อาสาสมัครคุมประพฤติ เตรียมพร้อมลงพื้นที่หากมีการผิดเงื่อนไขคุมความประพฤติ
“กรมคุมประพฤติห่วงใยสวัสดิภาพของประชาชนในการเดินทาง ขอให้ผู้ขับขี่พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มสุรา ยาเสพติด หากเมื่อยล้าหรือง่วงนอนให้จอดรถพักได้ที่จุดบริการ ที่สำคัญอยู่ในช่วงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระหว่างการเดินทางต้องใส่มาสก์ ล้างมือบ่อยๆ เมื่อกลับสู่ที่หมายหากรู้ตัวว่าไปในสถานที่แพร่ระบาดหรือมีอาการสงสัยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขอให้ป้องกันตัวเองอย่างเข้มงวดและติดต่อเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ สำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐควรปฏิบัติเช่นเดียวกันและดำเนินการตามมาตรการทำงานที่บ้าน (Work from Home) ของแต่ละหน่วย ตามนโยบายท่านนายกรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัดเพื่อสังคมโดยส่วนรวม ทั้งนี้ กรมคุมประพฤติโดยสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ ร่วมกับอาสาสมัครคุมประพฤติ ภาคีเครือข่าย ประชาชนและผู้ถูกคุมความประพฤติ ยังคงเข้าสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่บริเวณจุดบริการประชาชน ด่านชุมชน และด่านตรวจค้น จำนวน 57 จุด โดยมีผู้ร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น 376 คน”