นักธุรกิจสาวร้องทนายรณณรงค์ ถูกหนุ่มอ้างเป็นผู้จัดการ “จินตหรา พูนลาภ” ตุ๋นเงินกว่า 6 ล้านบาท
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 14 เม.ย. 64 ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถ.แจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นางสาวจอย (นามสมมติ) สาวไทยนักธุรกิจในประเทศอิตาลี เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมจาก นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ให้ช่วยเหลือหลังถูก นายบูม (ขอสงวนนามสกุล) หลอกลวงเอาเงินไปกว่า 6,000,000 บาท โดยแอบอ้างว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัวของนักร้องดังสาวอีสาน จินตหรา พูนลาภ เจ้าของเพลง “เต่างอย”
โดย นางสาวจอย เผยว่า รู้จักกับนายบูม ผ่านเอฟซีของนักข่าวทีวีช่องหนึ่ง เลยกดติดตาม เพิ่งมารู้เป็นผู้จัดการจินตหรา เห็นรูปกำลังขึ้นสนามบิน เลยทักหาเพื่อจะซื้อเสื้อให้ ทักไปประมาณสักพัก ผ่านไป 10 วัน เขาขอให้ช่วยเหลือเรื่องเงิน ตนจึงให้ยืมไป 1,000,000 บาท เขารับปากเดือนมกราคม จะคืนเงินให้ ไม่ถึงวันทักมายืมอีก 5 หมื่น ไม่ถึงอาทิตย์ยืม 2 แสน อ้าง จินตหรา บอกว่า มีคนเป็นมะเร็ง ตนบอกขอคุยกับจินตหรา เค้าบอกยังไม่ตื่น ให้ยืมเงินหากรับจำนองที่ดินมาแล้ว จะแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ จึงโอนไป ต่อมา นายบูม ติดต่อมาเอาอีก 1,800,000 บาท จะซิ้อรถ ไม่คิดว่าจะโดนหลอก เพราะมีหน้าตาในสังคม เป็นถึง ผจก.นักร้องดัง จึงโอนเงินไป สูญเงินล้านแรกปลายเดือนธันวาคม 63 เดือนมกราคม 64 ก่อนคริสต์มาส เขาอ้างว่าต้องนอนโรงพยาบาล เพราะปวดท้องอยู่หลายวัน ต้องจ่ายค่ารักษา 80,000 บาท ตนโอนให้ 3 หมื่น พูดคำหวานทุกวัน จนตนตายใจเชื่อใจสนิท ให้ยืมทั้งเงิน และซื้อ IPhone 12 ProMax 512 1 เครื่อง เข็มขัด LV 1 เส้น แว่นตา Gucci 2 อัน นาฬิกา G-Shock 1 เรือน กำลังจะดาวน์รถ ยี่ห้อโตโยต้า Fortuner ป้ายแดงอีก 1 คัน เฉพาะมกราคม โดนเกือบ 2 ล้านบาท
หลังจากนั้น โทร.มาอีก บอกว่าเป็นหนี้รายวันๆ ละ 5 หมื่นกว่า ต้องขายบ้าน แต่ยังขายไม่ได้ โดยส่งภาพบ้าน และส่งคนซื้อให้ดูว่าขายบ้าน 12 ล้าน จากนั้นบอกบ้านขายยังไม่ได้ แม่จะฆ่าตัวตาย ตนโทร.หาน้องนักข่าวที่ตนเป็นแฟนเอฟซี และเล่าเรื่องให้ฟัง ต่อมาตนจึงบินมาประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 64 ตนไม่เคยไปภาคอีสานอยู่แค่ภาคใต้
หลังจากนี้ อยากฝากจินตหรา ด้วยว่าเป็นผู้จัดการจินตหราจริงหรือเปล่า พี่จินตหราออกเงินกู้เหรอจริงไหม โดยเค้าอ้างว่าเอาเราไปปล่อยร่วม ได้ดอกร้อยละ 7 จินตหรา 5 เปอร์เซ็นต์ เค้า 2 เปอร์เซ็นต์ เราก็หลงเชื่อสูญเงินไปกว่าเจ็ดล้านบาท สุดท้ายโดนหลอกจนได้
ทางด้าน ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า คดีนี้มีความก้ำกึ่ง เพราะเงินมันมีหลายก้อนประมาณ 6 ล้านกว่าบาท ไม่รู้ว่าเป็นค่าอะไรบ้างให้โดยเสน่หาเป็นการยืม หรือเป็นการหลอกลวงเอาเงินไป ต้องตรวจสอบรายละเอียดก่อน แต่มีข้อเท็จจริง คือ ถูกเอาเงินไปจริง แต่จะได้เงินไปโดยวิธีการชอบหรือไม่ชอบโดยกฎหมายนั่นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้ามีความผิดทางอาญา ก็จะมีกฎหมายคือการฉ้อโกงเป็นการนำเข้าของข้อมูลเท็จตาม พ.ร.บ.คอมพ์ ถ้าเป็นเรื่องของคดีแพ่ง ก็จะเป็นการกู้ยืมเงิน ถ้าจะบอกว่าให้โดยเสน่หามันก็ต้องมีเหตุมีผลว่าทำไมถึงให้โดยเสน่หา ซึ่งไม่ได้มีการจดทะเบียนสมรสกันระยะเวลา 5 เดือน ถึง 6 เดือน สูญเสียเงินไป 5-6 ล้านบาท ถือว่าเยอะมาก เท่ากับเดือนละ 1 ล้าน สมมติมีคนบอกว่าจะมาจำนองที่ แต่คนจำนองที่ไม่มีตัวตนอันนี้ถือว่าเข้ากฎหมายฉ้อโกงแล้ว