xs
xsm
sm
md
lg

ตายพิลึก! ตร.เจอหนุ่มอุบลฯ ยืนตายข้างรั้วกรมศุลฯ สภาพลำคอติดรั้ว ลือลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ฉี่รดศาลเจ้าที่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ตำรวจเจอ สน.ท่าเรือ เจอหนุ่มอุบลฯ เมาจอด จยย.ฉี่ข้างรั้วกรมศุลกากร เกิดลำคอติดรั้วเหล็ก ขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิต ไทยมุงลือปัสสาวะรดใกล้ศาลเจ้าที่ เชื่อลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์

เมื่อเวลา 01.45 น. วันที่ 16 มี.ค. ร.ต.อ.ธนเดช จันทร์มาลา รอง สว.(สอบสวน) สน.ท่าเรือ รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตริมรั้วกรมศุลกากร ฝั่งถนนอาจณรงค์ แขวงและเขตคลองเตย กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ แพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณริมรั้วใกล้ประตู 2 กรมศุลกากร พบศพนายอนุวัฒน์ ภูกองไชย์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133 หมู่ 13 ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เสียชีวิตในสภาพกำลังยืนปัสสาวะหันหน้าเข้าหารั้วเหล็กแหลมกันขโมยซึ่งสูงจากพื้นดินประมาณ 1.5 เมตร โดยที่คอผู้ตายติดอยู่ในช่องว่างระหว่างก้านเหล็กแหลมที่มีความห่างราวๆ 6-8 นิ้ว สวมเสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงินคลุมทับด้วยเสื้อยีนส์ นุ่งกางเกงยีนส์ขายาวซิปถูกรูดลง ใส่รองเท้าแตะสีขาว ที่ศีรษะยังสวมหมวกนิรภัยแบบครึ่งใบสีดำ เนื้อตัวมีกลิ่นสุราคละคลุ้ง ส่วนจักรยานยนต์ของผู้ตายยี่ห้อฮอนด้า รุ่นโนวาอาร์เอส ซูเปอร์ สีแดง-ขาว ทะเบียน กขท 556 อุบลราชธานี ยังจอดอยู่บนถนนชิดกับขอบบาทวิถี เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน

ร.ต.อ.ธนเดชเปิดเผยว่า จุดเกิดเหตุเป็นบริเวณที่ค่อนข้างมืด โดยก่อนพบศพมีตำรวจสายตรวจ สน.ท่าเรือ ขี่จักรยานยนต์ผ่านพบเห็นร่างผู้ตายยืนอยู่ในสภาพดังกล่าวไม่ไหวติงจึงเข้าทำการตรวจสอบ จนทราบว่าเป็นผู้ขับขี่ จักรยานยนต์จอดรถเเวะปัสสาวะแล้ว ลำคอเกิดติดกับซอกช่องว่างระหว่างรั้วเหล็กกันขโมยของกรมศุลกากร จนขาดอากาศหายใจเสียชีวิต เบื้องต้นคาดว่าผู้ตายน่าจะไปกินดื่มสังสรรค์แล้วขี่รถผ่านมา เมื่อปวดปัสสาวะเลยจอดแวะเพื่อปลดทุกข์ แต่อาจเกิดอาการวูบ หรือเป็นอุบัติเหตุยืนเซหน้าคะมำจนคอเข้าไปติดกับซอกเหล็กแต่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เพราะความมึนเมา ซึ่งจะมอบร่างให้แพทย์นิติเวชทำการผ่าชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนติดต่อญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศล

ขณะที่ไทยมุงทราบข่าวมาดูเหตุการณ์และวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานาว่าการเสียชีวิตครั้งนี้อาจเป็นเพราะผู้ตายยืนปัสสาวะลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในกรมศุลกากรซึ่งมีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยสุโขทัย จากหลักฐานศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง เรียกหน่วยงานนี้ว่า “จกอบ” ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาเรียกว่า “พระคลังสินค้า” มีสถานที่สำหรับการภาษีเรียกว่า “ขนอน” เก็บภาษีจากระวางบรรทุกสินค้า เมื่อเข้าสู่ยุครัตนโกสินทร์ ในสมัยรัชกาลที่ ๓ เรียกว่า “โรงภาษี” ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๔ เรียกว่า “ศุลกสถาน” กระทั่งในสมัยรัชกาลที่ ๕ มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการจัดเก็บภาษีอย่างเต็มรูปแบบยิ่งขึ้นจึงมีการก่อตั้ง “กรมศุลกากร” ขึ้นมาจวบจนถึงปัจจุบัน


กำลังโหลดความคิดเห็น