MGR Online - “อายุตม์” ยันพักโทษ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ติดกำไล EM ตามระเบียบราชทัณฑ์ เพราะช่วยงานราชการ ทำหน้าที่ผลิตสื่อ“เรื่องเล่าชาวเรือนจำ” และ “กำลังใจสู่ชาวเรือนจำ” เผยแพร่ข่าวสารโควิด-19 ให้ผู้ต้องขังทั่วประเทศ ย้ำพิจารณาผู้ต้องขังทุกรายเท่าเทียมตามเกณฑ์
วันนี้ (15 มี.ค.) นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยกรณีการปล่อยตัวพักโทษนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตผู้ประกาศข่าวชื่อดังว่าเป็นการได้รับสิทธิพิเศษแตกต่างจากนักโทษคนอื่น และปฏิบัติสองมาตรฐานหรือไม่นั้น ตามที่กรมราชทัณฑ์ได้เคยชี้แจงไปแล้วเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 64 เกี่ยวกับการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษของนายสรยุทธ ว่าเป็นไปตามประโยชน์ของผู้ต้องขัง ตามกฎกระทรวงกำหนดประโยชน์ของนักโทษเด็ดขาดและเงื่อนไขที่นักโทษเด็ดขาด ซึ่งได้รับการลดวันต้องโทษจำคุกหรือการพักการลงโทษและได้รับการปล่อยตัวต้องปฏิบัติ พ.ศ. 2562 ข้อ 17 วรรคสอง และข้อ 18 รวมถึงมาตรา 52 ของพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ที่ให้ประโยชน์แก่นักโทษเด็ดขาดทุกรายที่แสดงให้เห็นว่ามีความประพฤติดี มีความอุตสาหะ มีความก้าวหน้าในการศึกษา และทำการงานเกิดผลดี หรือทำความชอบแก่ทางราชการเป็นพิเศษ อาจได้รับการพิจารณาเลื่อนชั้น การลดวันต้องโทษจำคุก การพักการลงโทษ
นายอายุตม์เผยว่า กรณีของนายสรยุทธได้รับประโยชน์ดังกล่าวจากการทำหน้าที่ผลิตสื่อ “เรื่องเล่าชาวเรือนจำ” และ “กำลังใจสู่ชาวเรือนจำ” เผยแพร่ให้ผู้ต้องขังทั่วประเทศได้รับรู้ข้อมูลสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างทั่วถึง และเป็นการผ่อนคลาย ลดความตึงเครียดวิตกกังวล อันเป็นการป้องกันผลกระทบที่อาจส่งผลให้ผู้ต้องขังก่อเหตุจลาจลขึ้นได้ โดยการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ โครงการพักการลงโทษนักโทษเด็ดขาดที่มีโทษระยะสั้นที่นายสรุยุทธได้รับเป็นโครงการสำหรับนักโทษเด็ดขาดชั้นกลางขึ้นไป จำคุกครั้งแรกที่ได้รับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกำหนดโทษ และเหลือโทษที่ต้องได้รับต่อไปอีกไม่เกิน 5 ปี ซึ่งในขณะพิจารณาการพักการลงโทษ นายสรยุทธเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีกำหนดโทษตามคำพิพากษา 6 ปี 24 เดือน
“ต่อมาได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2563 ทั้ง 2 รอบ คงเหลือโทษจำคุกครั้งหลังสุด 3 ปี 6 เดือน 20 วัน เมื่อหักวันต้องโทษจำคุกมาแล้ว จึงเหลือโทษจำคุกต่อไปอีก 2 ปี 4 เดือน 14 วัน จึงถือว่ามีคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ และได้รับการปล่อยตัวพักการลงโทษ เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 64 ที่ผ่านมา โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM) และต้องประพฤติปฏิบัติตนตามเงื่อนไขที่กำหนดอย่างครบถ้วน นอกจากกรณีของนายสรยุทธยังมีนักโทษเด็ดขาดที่ได้รับการปล่อยตัวพักการลงโทษในโครงการเดียวกันนี้แล้วกว่า 13,000 ราย”
นายอายุตม์เผยอีกว่า จากประเด็นข้อข้องใจว่าการพักการลงโทษนายสรยุทธเป็นการปฏิบัติสองมาตรฐานหรือไม่ กรมราชทัณฑ์ขอเรียนว่า การพิจารณาเพื่อพักการลงโทษในทุกโครงการ กรมราชทัณฑ์มีระเบียบและหลักเกณฑ์ในการดำเนินการที่ชัดเจน นอกจากจะพิจารณาที่ความประพฤติและการทำประโยชน์ต่อทางราชการเป็นสำคัญแล้วยังต้องพิจารณาถึงพฤติการณ์การกระทำความผิด ความรุนแรงของคดี และการกระทำความผิดที่ได้กระทำมาก่อนแล้วด้วย โดยในกรณีคู่คดีของนายสรยุทธ ทั้ง 2 รายที่เป็นประเด็นสงสัย กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการตามระเบียบเช่นเดียวกัน
นายอายุตม์กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ดี เนื่องจากทั้ง 2 รายมีกำหนดโทษที่แตกต่างจากนายสรยุทธ จึงส่งผลให้ระยะเวลาในการเข้าเกณฑ์พักการลงโทษในโครงการดังกล่าวไม่พร้อมกัน รวมถึงความประพฤติและการทำความชอบแก่ทางราชการตามที่กล่าวมา โดยขอยืนยันอีกครั้งว่าการพิจารณาพักการลงโทษไม่ได้เป็นการพิจารณาจากกรมราชทัณฑ์เพียงหน่วยงานเดียว ต้องผ่านการพิจารณาอีกชั้นจากคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ อันประกอบด้วย รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกกระทรวงยุติธรรมเป็นคณะอนุกรรมการฯ รวม 19 ท่าน นอกจากนั้นจะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอีกชั้นหนึ่งจึงจะถือว่าได้รับการพักการลงโทษ