MGR Online - “ปคบ.-ทล.” รวบคนร้าย วัย 63 ปี หลังร่วมกับพวกปลอมแปลงเอกสารกู้เงินธนาคารที่เชียงใหม่ เสียหาย 90 ล้านบาท ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันนี้ (28 ก.พ.) พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ. ได้มอบหมาย พ.ต.อ.เชษฐ์พันธ์ กิติเจริญศักดิ์ ผกก.1 บก.ปคบ. , พ.ต.ท.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข รอง ผกก.1 บก.ปคบ. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง สถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 1 จังหวัดนครราชสีมา จับกุม นายกริชธมร พรกมลธรรม อายุ 63 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่ จ.44/2563 ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 ความผิดฐาน“ร่วมกันฉ้อและร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม” โดยจับกุมที่ บริเวณถนนมิตรภาพ กม.75 (ขาเข้า กทม.) ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ กล่าวว่า ผู้ต้องหากับพวกได้ร่วมกันหลอกลวงธนาคารแห่งหนึ่ง ขอกู้เบิกเงินเกินบัญชี จำนวน 90 ล้านบาท ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ กรุงเทพฯ โดยหลอกลวงนำสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากเป็นหลักค้ำประกันการกู้เบิกเงินเกินบัญชี โดยได้ร่วมกันปลอมลายมือชื่อของเจ้าของบัญชี, ในสัญญาค้ำประกัน, สัญญาหลักประกันทางธุรกิจ, บันทึกข้อกำหนดและเงื่อนไขกรณีหลักประกันประเภทสิทธิประเภทบัญชีเงินฝาก, หนังสือให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลการจดทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ, หนังสือยินยอมจดทะเบียน/แก้ไขรายการจดทะเบียน สัญญาหลักประกันทางธุรกิจและหนังสือแจ้งรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงของหลักประกัน ซึ่งเป็นเอกสารที่ใช้ประกอบการกู้เบิกเงินเกินบัญชีดังกล่าว เป็นเหตุให้ธนาคารหลงเชื่อได้อนุมัติวงเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี จำนวน 90 ล้านบาท ให้กับผู้ต้องหากับพวกไป ทำให้ธนาคารดังกล่าวได้รับความเสียหายจึงได้มาร้องทุกข์กับ สภ.เมืองเชียงใหม่ และต่อมา พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขอออกหมายจับผู้ต้องหาดังกล่าวต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่
“กระทั่งวันนี้ (28 ก.พ.) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ ตำรวจ กก.1 บก.ปคบ. ได้ทำการสืบสวน และได้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก.6 จ.นครราชสีมา ร่วมกับกันจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าว ซึ่งในชั้นจับกุมผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้นและยอมรับว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับหมายจับจริง และไม่เคยถูกจับกุมตามหมายนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งสิทธิ์ตามกฎหมายและข้อกล่าวหาตามหมายจับให้ทราบและความคุมตัวพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุ ดำเนินคดีต่อไป”