ศาลแขวงพระนครใต้ สั่งจำคุก “ดีเจมะตูม” 2 เดือน ปรับเงิน 2 หมื่นบาท หลังอัยการฟ้องข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่สารภาพลดโทษเหลือติดคุก 1 เดือน ปรับ 1 หมื่น แต่ไม่เคยกระทำผิดมาก่อน จึงให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี และรายงานตัวพนักงานคุมประพฤติรวม 4 ครั้ง
วันนี้ (19 ก.พ.) ที่ศาลแขวงพระนครใต้ อัยการสำนักงานอัยการคดีศาลแขวง 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องด้วยวาจา นายเตชินท์ พลอยเพชร หรือ ดีเจมะตูม อายุ 31 ปี ความผิดตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 4, 5, 7, 9, 18, 19 และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ 25 มี.ค. 2563 ประกาศเรื่องการขยายระยะเวลาการกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาญาจักร ครั้งที่ 1 ลงวันที่ 28 เม.ย. 2563, ครั้งที่ 2 ลงวันที่ 26 พ.ค. 2563, ครั้งที่ 3 ลงวันที่ 30 มิ.ย. 2563, ครั้งที่ 4 ลงวันที่ 29 ก.ค. 2563, ครั้งที่ 5 ลงวันที่ 28 ส.ค. 2563,ครั้งที่ 6 ลงวันที่ 29 ก.ย. 2563 ครั้งที่ 7 ลงวันที่ 28 ต.ค. 2563, ครั้งที่ 8 ลงวันที่ 23 พ.ย. 2563, ประกาศเรื่องการให้ข้อกำหนด ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ลงวันที่ 28 เม.ย. 2563, ข้อกำหนดที่ออกตาม มาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉิน (ฉบับที่ 15) ลงวันที่ 25 ธ.ค. 2563 ข้อ1, 3
โดยอัยการยื่นฟ้องด้วยวาจาสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 9-10 ม.ค. 2564 เวลากลางคืน ซึ่งอยู่ในช่วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรและประกาศดังกล่าวยังมีผลใช้บังคับอยู่ นายเตชินท์ จำเลย กับ นายพรศักดิ์ อัจฉริยะประดิษฐ์, นายจารุกิตติ์ ศรีสวัสดิ์, นายกิตติ์ธเนศ บุญยชัยธนรัตน์, น.ส.ชุติมา สินวิโรจน์, นายกษิภัท ถิระวรรณธร กับ น.ส.จิราภรณ์ มหาวัตรและพวกอีก 27คน ซึ่งหลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันกินเลี้ยงฉลองวันเกิดของจำเลย ที่บริเวณห้องพัก โรงแรมบันยันทรี ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม. อันเป็นการรวมกลุ่มกันของคนจำนวนมากถึง 34 คน ในห้องพักซึ่งเป็นห้องที่ปิดมิดชิด ทั้งยังมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งทำให้การควบคุมสติลดลง จนไม่มีการรักษาระยะห่างระหว่างกัน และไม่มีการสวมหน้ากากอนามัย อันเป็นการร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกันในสถานที่แออัดในเขตพื้นที่ที่ได้มีการประกาศกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ต่อมาวันที่ 19 ก.พ. จำเลยเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ
อย่างไรก็ตาม จำเลยกระทำโดยรู้สำนึกในการกระทำ แต่ขาดความรับผิดชอบต่อส่วนรวมในการป้องกันและควบคุมมิให้โรคระบาดแพร่ออกไปในวงกว้างซึ่งหลังจากงานเลี้ยงวันเกิดของจำเลยมีผู้ติดเชื้อไวรัส โควิด-19 จากเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งสิ้น 9 คน รวมทั้งตัวจำเลยด้วย แต่คณะผู้สอบสวนโรค สำนักอนามัย ไม่ได้เปิดเผยชื่อผู้ติดเชื้อทั้งหมด เนื่องจากเป็นความลับตามกฎหมาย จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยสถานหนักเพื่อให้เข็ดหลาบ
ในชั้นสอบสวนจำเลยให้รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ก่อนเริ่มพิจารณา ศาลได้สอบถามจำเลยเรื่องทนายความ จำเลยไม่มีและไม่ต้องการทนายความ จึงอ่านอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังและได้ดำเนินกระบวนการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ โดยอธิบายสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย ตลอดจนแนวทางทางในการบรรเทาความเสียหายแก่ผู้เสียหาย (ถ้ามี) ให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
จึงพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 9, 18 ประกอบมาตรา 83 จำคุก 2 เดือน ปรับ 20,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับเงิน 10,000 บาท แต่ไม่ปรากฏว่า จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี ให้คุมความประพฤติจำเลย โดยจำเลยต้องมารายตัวต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้งในกำหนด 1 ปี และห้ามมิให้จำเลยร่วมชุมนุมหรือทำกิจกรรม หรือมั่วสุมในสถานที่แออัดในลักษณะเช่นเดียวกับการกระทำความผิดในคดีนี้ ภายในกำหนด 3 เดือน หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา ม.29, 30