เพลิงไหม้อาคารพาณิชย์แบ่งเช่า สูง 3 ชั้นย่านจอมทอง ลุกลามคลอกหญิงชราเจ้าของบ้านวัย 74 ปี ป่วยติดเตียงเสียชีวิต พ่อค้าหมูเช่าห้องชั้น 3 กับเมียวิ่งขึ้นดาดฟ้าหนีตายหวุดหวิด
เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 12 ก.พ. ร.ต.ท.พิสัย ทองมี รอง สว.(สอบสวน) สน.บางขุนเทียน รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้มีผู้เสียชีวิตในบ้านเลขที่ 82/87 ถนนเอกชัย ซอยเอกชัย 4 แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กทม. จึงประสานรถดับเพลิง สปภ.เขตจอมทอง 3 คัน รุดไปตรวจสอบพร้อมกองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ สูง 3 ชั้นครึ่งรวมดาดฟ้า พบแสงเพลิงและกลุ่มควันพวยพุ่งจากบริเวณชั้นลอย ก่อนที่จะลุกลามลงมาชั้นล่าง ชุดผจญเพลิงได้วางหัวฉีดเข้าควบคุมสถานการณ์ นาน 30 นาทีเพลิงจึงสงบ จากการตรวจสอบบริเวณโถงชั้นล่าง พบศพนางรุ่งนภา รักษ์โรจนกิจ อายุ 74 ปี เจ้าของบ้านซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง เพราะอาการสำลักควันก่อนถูกไฟลุกลามมาที่เตียงและโดนคลอกที่เสื้อผ้ากับร่างกายไปประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวนนายบุญเที่ยง เจริญพันธุ์ อายุ 39 ปี อาชีพขายหมูแดดเดียว ซึ่งเช่าห้องบนชั้น 3 ของบ้านผู้ตายอยู่อาศัยให้การว่า เช่าห้องพักบนบ้านผู้ตายอยู่เดือนละ 2,000 บาท ก่อนเกิดเหตุตนและภรรยาซึ่งเพิ่งกลับจากขายของที่ตลาดนัดได้กลิ่นควันไฟและรู้สึกเหมือนมีความร้อนระอุขึ้นมาจากห้องด้านล่าง ทำให้ต้องรีบคว้าโทรศัพท์มือถือและจูงมือภรรยาวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้า จากนั้นจึงปีนกำแพงดาดฟ้าข้ามไปบ้านข้างๆ เพื่อหนีตายได้อย่างหวุดหวิดกันทั้งคู่
“ส่วนสาเหตุนั้นไม่ทราบจริงๆ ว่าเกิดจากเรื่องใด เพราะขึ้นนอนตั้งแต่หัวค่ำ สำหรับผู้ตายนั้นเป็นผู้ป่วยติดเตียงเนื่องจากเป็นโรคชรา หลังเกิดอุบัติหกล้มได้ไม่ถึง 1 ปี ปกติจะพักกับลูกชาย และมีลูกชายคอยดูแลตลอด แต่ทราบว่าเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 11 ก.พ.ลูกชายออกไปทำธุระนอกบ้าน จึงปล่อยให้แม่นอนอยู่เพียงลำพัง ส่วนชั้นลอยที่เป็นต้นเพลิงนั้น ปกติทางลูกชายผู้ตายจะใช้เก็บเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว ก็ไม่ทราบว่ามีอะไรบ้าง เนื่องจากเวลาขึ้นและลงหรือเข้าออกจากห้องพัก ผมและภรรยาจะใช้บันไดด้านข้างซึ่งไม่สามารถผ่านพื้นที่ส่วนตัวของผู้ตายกับลูกชายได้เลย” นายบุญเที่ยงกล่าว
ด้าน ร.ต.ท.พิสัยกล่าวว่า หลังเกิดเหตุมีหญิงผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นผู้เช่าห้องพักบริเวณชั้น 2 ของบ้านหลังเดียวกันมีอาการสำลักควันไฟเล็กน้อยด้วย 1 ราย ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว ส่วนสาเหตุและการสรุปสำนวนคดีต้องรอกองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจหาพื้นที่จุดต้นเพลิงอย่างละเอียดอีกครั้ง ร่วมกับการสอบปากคำลูกชายผู้ตายซึ่งขณะนี้ติดต่อได้แล้วแต่ยังอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจไม่พร้อมให้การต่อตำรวจ ส่วนผู้เสียชีวิตมอบให้มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำส่งนิติเวช รพ.ศิริราช ก่อนมอบให้ญาตินำผู้เสียชีวิตไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนาต่อไป