เปิดปูม “หลงจู๊สมชาย” นักธุรกิจสีเทาระดับประเทศ เจ้าพ่อบ่อนการพนันหลายแห่ง ทั้งในจังหวัดระยองและรวมถึงภาคตะวันออก และอีสานบางส่วน เริ่มต้นชีวิตจากศูนย์ จนโด่งดังในยุทธจักรบ่อนพนัน และโด่งดังยิ่งขึ้นเมื่อกลายเป็นต้นเหตุการระบาดของโควิด-19 ล่าสุด โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบตัวได้เช้าวันนี้ (11 ก.พ.)
ว่าด้วยหลงจู๊ผู้โด่งดัง ว่ากันว่า “หลงจู๊สมชาย” นายสมชาย จุติกิติ์เดช เป็นขาใหญ่ในยุทธจักรธุรกิจบ่อนพนันที่ระยองและรวมถึงภาคตะวันออก และอีสานบางส่วน
เส้นทาง “หลงจู๊สมชาย” นักธุรกิจสีเทาระดับประเทศ ที่ถูกกล่าวขานมาเป็นเวลานานในฐานะนักพนัน ตั้งแต่เริ่มต้นจากศูนย์ คนในวงการมักเปรียบว่ามาจาก “ผี” เพราะไม่มีอะไร แต่ด้วยความเป็นนักพนัน ใจถึง มีผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัดระยองสนับสนุน จึงค่อยๆ เติบโตจากคนเดินโพยหวย ขยับมาเป็นเจ้ามือหวย เป็นเจ้าของสถานบริการในเมืองระยอง ทั้งนวดแผนโบราณ คาราโอเกะ ต่อมาเข้าไปพัวพันกับแก๊ง “ล็อกหวย” มีด้วยกัน 3 คน คือ “กลม บางกรวย-ชัย โคกสำโรง” และตัวเขาเองเจ้าของฉายา “ชาย ระยอง” หรือ “ชาย บ้านค่าย”
ช่วงแรกแก๊งหวยล็อกจะเดินสายกระจายแทงเจ้ามือใหญ่ในหัวเมืองต่างๆ และไปสะดุดตอที่เจ้าพ่ออีสาน โดย “เป๊กตั๊ก” เจ้าพ่อหวยเมืองสุรินทร์ เห็นว่าถูกลูกค้านิรนามกินติดต่อกันหลายงวด และสงสัยกลุ่ม “ชาย ระยอง” หรือ “หลงจู๊สมชาย” ในปัจจุบัน จะเป็นตัวการ จึงเข้าแจ้งต่อกองปราบปราม และเป็นที่มาของการเปิดโปงขบวนการ “หวยล็อก” ต่อมามีการดำเนินคดี...แต่ “หลงจู๊ สมชาย” รอดมาได้
หลังข่าวคราวหวยล็อกเงียบไป ชื่อเสียงของ “หลงจู๊สมชาย” กลับโด่งดังในยุทธจักรบ่อนพนัน และกิจการตู้ม้า ตู้สลอต ทั้งนี้ วงการบู๊ลิ้มว่ากันว่าเขาได้รับการสนับสนุนจาก “นักการเมืองคนดัง” ของจังหวัดนครราชสีมา และนายตำรวจระดับ พล.ต.ต.คนหนึ่งแถวภาคอีสาน ให้สัมปทานบ่อน ตู้ม้า ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภาค 3 ทั้ง จ.นครราชสีมา จ.อุบลราชธานี และอื่นๆ อีกหลายแห่ง
เมื่อครั้งน้ำท่วมใหญ่ จ.อุบลราชธานี เงินจำนวน 1 ล้านบาท ของ “หลงจู๊สมชาย” ก็ถูกนำไปสร้างบารมี สร้างฐานสีเทาให้แก่ตัวเอง โดยมีลูกน้องคนสนิทซึ่งแท้จริงเป็นคนโปรโมตบ่อน สวมบทเป็นผู้ใจบุญบริจาค
ด้วยความใจถึง อีกทั้งระยะหลังมักมีข่าวว่า “หลงจู๊สมชาย” มีอาการเพี้ยน เนื่องจากผลข้างเคียงของการใช้ยาบางอย่าง และอาจเป็นคนใจถึงอยู่แล้ว อีกทั้งมีแรงหนุนจาก “นักการเมืองคนดังภาคอีสาน” ที่ทำงานติดตัวเบอร์ต้นๆ ของขั้วอำนาจในรัฐบาล “หลงจู๊สมชาย” จึงบ่ายหน้าเข้าสู่วงการบู๊ลิ้มเมืองหลวง
ระยะแรกสร้างความปั่นป่วนไม่น้อย เพราะการปล่อยสมุนมือขวาออกป่วน แต่ในที่สุดไปไม่รอด ต้องกลับไปดูแลฐานเดิมคือภาคตะวันออกในหลายพื้นที่ของภาค 2 ภาค 3 จนช่วงหนึ่งถูกระดมปราบปรามจากชุดเฉพาะกิจกรมการปกครองอย่างหนักหน่วง จากปฏิบัติการทะลายบ่อน RJ ต.มาบตาพุด จ.ระยอง ซึ่งทราบกันดีว่าบ่อนแห่งนี้เป็นของ “หลงจู๊สมชาย” ปรากฏเป็นข่าวครึกโครม
แต่ทว่า ด้วยเส้นสาย และ “นักการเมืองดังอีสานคนใกล้ตัวขั้วอำนาจ” ทำให้ในที่สุด “หลงจู๊สมชาย” รอดตัวเช่นเคย แถมดาบสองที่ฝ่ายมั่นคงเตรียมเชือด ชุดปฏิบัติการของดีเอสไอ ตั้งเป้าขยายผลเกี่ยวกับการฟอกเงิน หลายคนเชื่อว่านี่คือปฏิบัติการเชือดไก่เพื่อปิดตำนานความยิ่งใหญ่ของ “เจ้าพ่อธุรกิจสีเทา” อย่างแน่นอน
แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ความไม่ชอบมาพากลก็เกิดขึ้น โดยคอลัมนิสต์สื่อหลักเริ่มเขียนแขวะปฏิบัติการนี้ โดยให้เหตุผลว่าบ่อนพนันเป็นหน้าที่ของตำรวจก็พอแล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องให้ถึงมือ “กรมสอบสวนคดีพิเศษ” เพราะควรไปใช้กับคดีต่างๆ ที่มีความสลับซับซ้อน จากกระแสตีกลับทั้งที่เป็นเรื่องดีต่อสังคม “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า ในฐานะคนดูแลกระทรวง ไม่เคยถูกนายกฯ ตำหนิในเรื่องนี้ และเป็นการทำหน้าที่โดยปกติ...
อย่างไรก็ตาม หลัง “สมศักดิ์” ให้สัมภาษณ์ไปไม่กี่วัน 6 ชุดปฏิบัติการดีเอสไอก็ถูกยุบโดยไม่ทราบเหตุผล และปฏิบัติการสยบเจ้าพ่อตะวันออกก็กลายเป็นหมัน ไม่มีใครกล้าแตะต้อง “หลงจู๊สมชาย” เป็นต้นมา กระทั่งเกิดฝีแตกจากกรณีบ่อนระยอง กลายเป็นแหล่งแพร่โควิด-19 ครั้งนี้