MGR Online -“บิ๊กอู๊ด” นำแถลงตำรวจนครบาลจับกุม 4 คดี สน.ทองหล่อ เหมา 2 คดี จับผู้ต้องหา 10 ราย เช่าบ้านมั่วสุมเสพยาเสพติด อีกคดีจับผู้ต้องหายัดยาบ้าใส่เคสโทรศัพท์ ส่งทางบริษัทขนส่งทั่วทุกภาค ฝั่งกองสืบจับเครือข่ายบางนา ยึดเฮโรอีน มูลค่า 400 ล้านบาท ด้าน บก.น.8 ระดมจับแก๊งลักรถ จยย.ส่งเพื่อนบ้าน
วันนี้ (4 ก.พ.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผบก.น.5 แถลงข่าวคดีที่ 1 พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผกก.สน.ทองหล่อ สั่งการตำรวจ สน.ทองหล่อ จับกุม นายเอกอนันต์ (สงวนนามสกุล) พร้อมพวกรวม 10 ราย ได้บริเวณบ้านเช่าเลขที่ 91 กลางซอยสุขุมวิท 49/19 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ พร้อมของกลาง เคตามีน (ชนิดผง) น้ำหนัก 0.7 กรัม
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 ก.พ. ทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวมีการปล่อยให้เช่าเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดงานสังสรรค์ โดยมีการประกาศทางโซเชียล จึงได้เฝ้าติดตาม เนื่องจากเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโควิด-19 จากการสอบสวนทราบว่า ได้มีการเสพยาอี ผลการตรวจพบสารเสพติด (เมทแอมเฟตามีน) ในร่างกาย 7 คน เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท (เคตามีน) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (เคตามีน) โดยผิดกฎหมาย”นอกจากนี้ ยังมีพฤการณ์ขัดกับ “พ.ร.บ.โรคติดต่อ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน (มาตรการควบคุมโรค)”ก่อนนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 2 พ.ต.อ.ดวงโชติ สั่งการตำรวจ สน.ทองหล่อ จับกุม นายอรรถพร (สงวนนามสกุล) ได้บริเวณบริษัทขนส่งพัสดุแห่งหนึ่ง ถนนเอกมัย แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ พร้อมของกลาง ยาบ้า 1,453 เม็ด และไอซ์ 68 กรัม สืบเนื่องจากการขยายผลการจับกุม นายวรพล (สงวนนามสกุล) จนทราบว่าต้นทางยาเสพติด ส่งมาจากบริษัทขนส่งย่านเอกมัย กระทั่งวันที่ 3 ก.พ. ตำรวจพบ นายอรรถพร ขับรถจักรยานยนต์จอดหน้าบริษัทขนส่งดังกล่าว จึงแสดงตัวเข้าจับกุมตรวจค้นพบของกลางดังกล่าว จากการสอบสวนทราบว่า ยาเสพติดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน แล้วส่งให้กับลูกค้ารายย่อยในกรุงเทพฯและปริมณฑล 1 ในนั้นคือ นายอรรถพร
จากนั้นจำหน่ายโดยส่งทางบริษัทขนส่ง มีปลายทางภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ กรุงเทพฯและปริมณฑล มีการซื้อขายทางออนไลน์ และปกปิดการส่งทางบริษัทขนส่ง ทำมาแล้วประมาณ 3 ปี มีวิธีการซุกซ่อนในเคสโทรศัพท์ค่อนข้างแนบเนียน แล้วบอกพนักงานว่าสินค้าที่จะส่งคือเคสโทรศัพท์ นายอรรถพร ทำด้วยตัวเองทั้งหมด ได้เงินมานำไปใช้จ่ายตามปกติไม่มีอาชีพ จากการตรวจสอบพบ 2 บัญชี มีเงินหมุนเวียนประมาณ 3 แสนบาท อยู่ระหว่างขยายผลตรวจสอบต้นทาง เบื้องต้นแจ้งข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตาม (ยาบ้า, ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”ก่อนนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 3 พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น.สั่งการตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.บช.น.จับกุม น.ส.พิมลรัตน์ (สงวนนามสกุล) พร้อมพวกรวม 5 คน ได้บริเวณบ้านเลขที่ 21/159 หมู่บ้านถาวรนิเวศน์ 1 ซ.บางนา-ตราด 14 แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ พร้อมของกลาง เฮโรอีน 420 กก. รถกระบะ 2 คัน โทรศัพท์มือถือ 8 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 2 เล่ม และบัตรเอทีเอ็ม 5 ใบ เมื่อวันที่ 3 ก.พ.
สืบเนื่องจากมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายยาเสพติดเพชรบูรณ์ ที่จับกุมได้เมื่อวันที่ 31 ม.ค. พร้อมของกลาง ยาบ้า 2,100,000 เม็ด โดยเฮโรอีนมูลค่า 400 ล้านบาท นำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านทาง จ.เลย แล้วจำหน่ายในกรุงเทพฯและปริมณฑล กระทั่งเมื่อวันที่ 3 ก.พ. สามารถจับกุมเครือข่ายบางนาได้ เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” ก่อนนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
และคดีที่ 4 พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ ผบก.น.8 สั่งการตำรวจ กก.สส.บก.น.8 สน.บุปผาราม สน.สมเด็จเจ้าพระยา สน.บางมด และ สน.บางยี่เรือ จับกุม นายพุฒิพงศ์ (สงวนนามสกุล) ได้บริเวณหน้าห้างบิ๊กซี ถนนอิสรภาพ แขวงวัดกัลยา เขตธนบุรี กรุงเทพฯ พร้อมของกลาง ยาไอซ์ 0.89 กรัม แท่งเหล็กปลายแหลม 3 อัน เหล็กรูปตัวที 1 อัน และแท่งเหล็กฝังแม่เหล็ก 1 อัน สืบเนื่องจากได้รับแจ้งเหตุลักรถจักรยานยนต์ จึงเฝ้าติดตามจนทราบว่าพฤติกรรมคนร้าย จะขับรถจักรยานยนต์ตระเวนไปในเขตชุมชน ที่พักอาศัย ตลาดและสถานที่ต่างๆ เมื่อสบโอกาสจะใช้เหล็กรูปตัวทีแทงเบ้ากุญแจ ติดเครื่องยนต์แล้วลักเอารถจักรยานยนต์ไป
จึงทำการสืบสวนกระทั่งพบ นายพุฒิพงศ์ กำลังดูรถจักรยานยนต์เพื่อจะลงมือลัก ตำรวจได้แสดงตัวเข้าจับกุมพร้อมของกลางดังกล่าว จากการสอบสวนทราบว่า ร่วมมือกับเพื่อนชาวต่างชาติประเทศเพื่อนบ้าน หลังก่อเหตุมีการรวบรวมแล้วนำส่งไปประเทศเพื่อนบ้านทาง จ.ตาก เบื้องต้นจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย นอกจากนี้ ทราบว่า รถของกลางยังซุกซ่อนในพื้นที่ปริมณฑลไม่ต่ำกว่า 50 คัน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุลักรถมาแล้วไม่ต่ำกว่า 200 คัน จากการตรวจสอบมีการแจ้งความร้องทุกข์ 16 คดี ทั้งนี้ เป็นผลปฏิบัติจากโครงการกล้อง CCTV ของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ใช้เวลาติดตามคดีประมาณ 2 เดือน จึงสามารถจับกุมได้