MGR Online - กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จ่อแจ้งจับโรงแรม-ร้านค้าอีก 800 แห่ง โกง“เราเที่ยวด้วยกัน” เชิญกองปราบปรามหารืออุดช่องทุจริตโครงการต่างๆ ของรัฐบาลต่อไป
วันนี้ (31 ม.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ว่า ในสัปดาห์หน้า พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติปภัสร์ รอง ผบ.ตร.จะมีคำสั่งเรียกตำรวจรองผู้บังคับการ บช.ภ.1-9 รวมทั้ง บช.น.ที่คุมสอบสวนจากทั่วประเทศ ให้มาร่วมประชุมเกี่ยวกับการวางแนวทางการทำคดีทุจริตโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ที่โรงแรมรามาการ์เด้น ถนนวิภาวดีรังสิต โดยคาดว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.จะมาป็นประธานเปิดการประชุมดังกล่าว
พ.ต.อ.เอนกกล่าวว่า สำหรับแนวทางในการประชุมครั้งนี้ กองปราบปรามจะเป็นเหมือนพี่เลี้ยงคอยวางกรอบประเด็นการสอบสวนต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางให้แก่ตำรวจตามโรงพักต่างๆ นำไปใช้ในการสอบสวนผู้ต้องหาทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน รวมทั้งการสอบสวนขยายผลด้วย ทั้งนี้ ที่ต้องจัดให้มีการเรียกกองบังคับการจากทั่วประเทศมาประชุมเนื่องจากผู้ต้องหาในการทุจริตครั้งนี้ต่างมีที่อยู่ถิ่นฐานอาศัยกระจายไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ต้นสัปดาห์หน้ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะส่งเจ้าหน้าที่มาแจ้งความที่กองปราบปราม ให้ดำเนินคดีโรงแรมอีก 400 กว่าโรงแรม ร้านอาหารร้านค้า 400 กว่าร้าน ที่ทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ในจำนวนนี้มีทั้งตัวการใหญ่ลงมาถึงประชาชนจำนวนมากที่เข้าไปร่วมกับขบวนการโกงชาติ
รายงานแจ้งว่า พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์เตรียมเรียกตัวแทนตำรวจทั่วประเทศประชุมวางกรอบทำงาน เพราะผู้ต้องหามีอยู่ทั่วประเทศ การสอบสวนทั้งหมดต้องเป็นในทางเดียวกันในการเหตุจำนวนมากและกระจายอยู่เป็นวงกว้าง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลเพื่อขอศาลออกหมายจับต่อไป
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานเศรษฐกิจกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เชิญตำรวจกองปราบปรามไปร่วมประชุมเพื่อร่วมวางแนวทางป้องกันอุดช่องโหว่รูรั่วกับการทุจริตที่จะมาในรูปแบบต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับโครงการช่วยเหลือประชาชนต่างๆ ของรัฐบาล
ทั้งนี้ การทุจริตโครงการเที่ยวด้วยกันนั้น พบว่าที่ผ่านมาตั้งแต่มีการเปิดยอดการจองโรงแรม และใช้สิทธิซื้อของในร้านค้าและร้านอาหารที่ร่วมโครงการทั้งหมดจะมีบริษัทตัวกลางคอยรับทำหน้าที่อีกที โดยเงินที่ได้จากรัฐบาลจะผ่านไปที่ธนาคารก่อนจะไปเข้าบริษัทตัวกลาง เพื่อนำไปกระจายให้ตามโรงแรมร้านค้าร้านอาหารต่างๆ เท่าที่ผ่านมาพบว่า บริษัทตัวกลางไม่มีความสงสัยไม่มีการตรวจสอบว่ามียอดจองโรงแรมเกินจริง ทั้งที่โรงแรมมี 10 กว่าห้อง แต่ยอดจองเป็นเป็น100-1,000 ห้อง มีความเป็นไปได้หรือไม่ จองโรงแรมจังหวัดนี้แต่กลับไปทานอาหารหรือซื้อของที่จังหวัดอื่น ทั้งหมดนี้บริษัทตัวกลางไม่เคยได้ตรวจสอบเพราะไม่มีผลเสียหายจากการกระทำดังกล่าว จะมีหน้าที่คอยหักค่าเปอร์เซ็นต์จากการเป็นตัวกลางในการจองโรงแรมและซื้อของตามร้านค้าและกินอาหารตามร้านอาหารเท่านั้น