“อัยการธนกฤต” โพสต์การบังคับใช้กฎหมายปราบโควิด-19 ไม่ควรมี 2 มาตรฐาน จี้ผู้ใดฝ่าฝืน-จงใจปกปิดไทม์ไลน์ มีโทษทางอาญา จำคุกไม่เกิน 1 ปี จนท.รัฐต้องเร่งดำเนินคดี
วันนี้ (27 ม.ค.) ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล ผอ.สำนักงานประสานงานกระบวนการยุติธรรม สถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุดได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัวความเห็นการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสถานการณ์โรคระบาดมีข้อความว่าไม่ควรมี 2 มาตรฐาน
ตามที่มีข่าวปรากฏตามสื่อมวลชนต่างๆ ว่า มีผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 หลายราย ซึ่งมีอาชีพเป็นข้าราชการ นักร้องนักแสดง ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ และ เชฟร้านอาหาร ที่พบว่ามีประวัติการเดินทางไปร่วมงานวันเกิดเพื่อนที่เชื่อมโยงกับดีเจชื่อดังที่ป่วยเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปแล้วก่อนหน้านี้ ไม่ยอมให้ข้อมูลไทม์ไลน์ในหลายช่วงเวลาเพื่อประกอบการสอบสวนโรคของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะการเปิดเผยข้อมูลไทม์ไลน์ที่ไม่ครบถ้วน จะทำให้การป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วและเป็นอันตรายแก่ชีวิตของประชาชน ไม่สามารถทำได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ
ในเรื่องนี้ ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 49 ได้บัญญัติไว้ว่า บุคคลใดที่ฝ่าฝืนไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามมาตรา 45(1) ในการมาให้ถ้อยคำหรือแจ้งข้อเท็จจริงหรือทำคำชี้แจง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท
หากข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ปรากฏว่า มีผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใด ที่ฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ไม่ยอมให้หรือไม่ยอมชี้แจงข้อเท็จจริงตามที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อให้เปิดเผย โดยปกปิดข้อมูลบางส่วนไว้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผู้ป่วยเหล่านั้นจึงน่าจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 49 ดังที่ได้กล่าวไป
และควรที่หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องดำเนินคดีเอาผิดตามกฎหมายกับบุคลเหล่านี้ ไม่มีการเลือกปฏิบัติให้เป็น 2 มาตรฐาน โดยควรทำให้เหมือนกับที่เคยแถลงข่าวเพื่อเป็นการเตือนไปยังประชาชนทั่วไปว่า หากผู้ใดฝ่าฝืนปกปิดไม่ยอมให้ข้อมูลจะมีความผิดและต้องรับโทษตามกฎหมายด้วย
และที่สำคัญ ควรเร่งรีบดำเนินการให้ผู้ป่วยเหล่านี้เปิดเผยข้อมูลไทม์ไลน์ที่ถูกต้องครบถ้วนทั้งหมดโดยเร็ว เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน
