MGR Online - อธิบดีกรมคุมประพฤติ เผยช่วง 29 ธ.ค. 63 - 1 ม.ค. 64 จับรวม 1,028 คดี ส่วนใหญ่ เมาแล้วขับ 911 ราย พร้อมจัดอาสาสมัครคุมเข้มโควิด-19 บริเวณจุดตรวจ
วันนี้ (2 ม.ค.) นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ เผยว่า สถิติคดีขับรถในขณะเมาสุราที่ศาลสั่งคุมความประพฤติ ต้อนรับวันปีใหม่ เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 64 มีจำนวนเพียง 36 คดี เนื่องจากศาลปิดทำการ ทำให้ตัวเลขสถิติยอดรวม 4 วัน ที่มีการควบคุมเข้มงวด ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 63 - 1 ม.ค. 64 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,028 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา 911 คดีคิดเป็นร้อยละ 88.62, คดีขับเสพ 100 คดี คิดเป็นร้อยละ 9.73, คดีขับรถประมาท 17 คดีคิดเป็นร้อยละ 1.65
“จังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถขณะเมาสุราสะสมสูงสุด 3 อันดับยังคงเดิม ได้แก่ 1. ชัยภูมิ กับ อุบลราชธานี 105 คดี 2. จันทบุรี 104 คดี และ 3. บุรีรัมย์ 99 คดี ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีเข้าสู่งานคุมประพฤติในวันที่ 4 ของช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2563 และ พ.ศ. 2564 พบว่า คดีขับรถในขณะเมาสุรา ปี พ.ศ. 2563 จำนวน 404 คดี และ ปี พ.ศ. 2564 มีจำนวน 36 คดี ลดลง 368 คดี”
นายวิตถวัลย์ กล่าวอีกว่า กรมคุมประพฤติ เน้นย้ำมาตรการคุมเข้มสำหรับผู้กระทำผิดในฐานความผิดขับรถในขณะเมาสุรา ในการติดกำไล EM อีกทั้งยังมีการคัดกรองตามแบบประเมินพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกราย หากพบว่า มีความเสี่ยงสูงในการติดสุรา จะส่งบำบัดรักษาอาการติดสุรา ณ สถานพยาบาล ตลอดจนประเมินความเสี่ยงต่อการกระทำผิดซ้ำเพื่อควบคุมเข้มงวด หรือพบว่ามีประวัติการกระทำผิดซ้ำ จะนำส่งเข้ารับการแก้ไขฟื้นฟูแบบเข้มข้นในรูปแบบค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นระยะเวลา 3 วันต่อเนื่อง ซึ่งมีกิจกรรมทั้งการให้ความรู้ และการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากผู้ขับรถขณะเมาสุรา เพื่อสร้างจิตสำนึกในเรื่องความรับผิดชอบต่อผลการกระทำของตัวเองที่มีต่อบุคคลอื่นและสังคม
นายวิตถวัลย์ กล่าวต่อว่า ในวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2564 กรมคุมประพฤติ โดยสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ ร่วมกับอาสาสมัครคุมประพฤติ ภาคีเครือข่าย และผู้ถูกคุมความประพฤติ ยังคงสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ในการให้บริการประชาชน พร้อมทั้งจัดให้มีการทำงานบริการสังคม โดยการตรวจเยี่ยม แจกน้ำดื่ม ตรวจวัดอุณหภูมิ และให้คำแนะนำในการป้องกันตนเองจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แก่ประชาชนที่เดินทาง ณ จุดบริการประชาชน ด่านชุมชน และด่านตรวจค้น จำนวน 48 จุด มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนทั้งสิ้น 298 คน