MGR Online - ตร.เตรียมพร้อมมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 วางกำลัง 8 หมื่นนายดูแล เชื่อคนเดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก คุมเข้มเมาแล้วขับ ควบคู่มาตรการสกัดการแพร่ระบาดโควิด-19
วันนี้ (24 ธ.ค.) เวลา 13.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะกำกับดูแลศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2564 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชุมเตรียมความพร้อมการปฏิบัติในการอำนวยความสะดวกการจราจร เพื่อลดอุบัติเหตุ โดยใช้กำลังตำรวจกว่า 80,000 นาย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการทำงานด้านการลดอุบัติเหตุทางถนนในปีนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จะมีการมอบโล่รางวัลกับหน่วยงานที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่นด้านการลดอุบัติเหตุบนท้องถนนและจังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต ในช่วงเทศกาลปีใหม่
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า แม้จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่คาดว่าประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก ตำรวจจะเน้นการอำนวยความสะดวกและจัดการจราจร ในช่วงที่มีประชาชนออกเดินทางจำนวนมากได้จัดเตรียมความพร้อมด้านกำลังพล อุปกรณ์เครื่องมือ และระบบการสื่อสารเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจร มีการตั้งจุดบริการตามเส้นทางหลัก เส้นทางรอง และทางเลี่ยง รวมถึงการจัดการจราจรบริเวณทางร่วมทางแยก และหน้าสถานีบริการน้ำมัน หรือจุดแวะพักรถที่มีผู้เข้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการจราจรบนเส้นทางหลัก โดยมีศูนย์ควบคุมสั่งการจราจรอยู่ที่ กองบังคับการตำรวจทางหลวง สายด่วนหมายเลข 1193 หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันไลน์ @highway1193 และในพื้นที่ กทม. สอบถามได้ที่ ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) สายด่วนหมายเลข 1197 ไว้สำหรับ สอบถามเส้นทาง รับแจ้งอุบัติเหตุ และประชาสัมพันธ์เส้นทาง
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ได้ดำเนินการในการอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการใช้รถและถนนสำหรับประชาชน ดังนี้ 1.1 ออกข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรทั่วราชอาณาจักร ว่าด้วยการกำหนดห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป เดินในถนนบางสาย ระหว่าง 30 ธ.ค. 63 - 4 ม.ค. 64 เส้นทางห้ามวิ่ง 7 เส้นทาง ระยะทางรวม 99 กม. ได้แก่ 1. มิตรภาพ : ต.ทับกวาง จ.สระบุรี กม.15-35 ระยะทาง 20 กม. 2. พหลโยธิน : ช่วง ต.หนองยาว จ.สระบุรี กม.99-106 ระยะทาง 7 กม. 3. เลี่ยงเมืองสระบุรีฝั่งตะวันตก : ต.ปากข้าวสาร จ.สระบุรี กม. 0-9 ระยะทาง 9 กม. 4. พหลโยธิน : กลางแดด-นครสวรรค์ตก จ.นครสวรรค์ กม.332-347 ระยะทาง 15 กม. 5. รังสิโยทัย : ปากน้ำโพ-บางม่วง จ.นครสวรรค์ กม. 0-7 ระยะทาง 7 กม. 6. กบินทร์บุรี-ปักธงชัย : กบินทร์ฯ-นาดี กม.165-195 ระยะทาง 30 กม. และ 7. บุรีรัมย์-อรัญประเทศ : ตาพระยา-โนนแดง กม.70-81 ระยะทาง 11 กม. ในกรณีรถบรรทุกบางประเภทที่มีความจำเป็นต้องเดินรถในถนนดังกล่าวข้างต้น สามารถขออนุญาตหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรจังหวัดนั้นๆ เป็นกรณีไป
1.2 ออกข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรทั่วราชอาณาจักร ว่าด้วยการกำหนดช่อง หรือแนวทางเดินรถขึ้นและล่องในถนนบางสาย (ขาขึ้น 14 จุด ระหว่าง 28 ธ.ค. 63 - 31 ธ.ค. 63 และขาล่อง 17 จุด ระหว่าง 1-4 ม.ค. 64 ใช้เป็นช่องทางพิเศษ เพื่อระบายรถช่วงที่หนาแน่นให้คล่องตัว (Reversible Lane)
1.3 มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้คืนพื้นผิวจราจรที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างซ่อมแซม เพื่อลดการจราจรติดขัดสะสม
2. การบังคับใช้กฎหมาย โดยบังคับใช้กฎหมายจราจร 10 ข้อหาหลัก และ พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 อย่างจริงจัง และใช้มาตรการเพื่อป้องกันก่อนเกิดเหตุ หรือก่อนการกระทำผิด โดยเพิ่มชุดเคลื่อนที่เร็วให้มากที่สุดในแต่ละพื้นที่ร่วมกับอาสาสมัครด่านชุมชน และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ในการจัดทำบัญชีกลุ่มเสี่ยงของผู้ที่มีแนวโน้มกระทำผิด โดยเฉพาะเมาแล้วขับ และใช้มาตรการตักเตือนก่อนกระทำผิด ผ่านกลไกภาคีเครือข่ายในพื้นที่ หรือด่านชุมชน หากพบยังฝ่าฝืน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมาย มีการบังคับใช้กฎหมายเรื่องเมาแล้วขับ ที่จุดตรวจความมั่นคง หรือจุดตรวจควบคุมโรคระบาดฯ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำจุดตรวจทุกนาย ต้องมีกล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบดิจิทัลชนิดติดตัวหรือชนิดอื่นเพื่อความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ในการปฏิบัติงาน
“สำหรับขั้นตอนการตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข อย่างเคร่งครัด กรณีเกิดอุบัติเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ทุกราย มีการสอบสวนขยายผล กรณีเด็กหรือเยาวชนดื่มสุราแล้วมาขับรถ จะขยายผลดำเนินคดีกับผู้ขายสุราตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ และสอบสวนขยายผลดำเนินคดีกับบุคคลที่ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอม ให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือบุคคลที่จำหน่ายหรือให้สุราแก่เด็กตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 และบังคับใช้กฎหมายการห้ามจำหน่ายสุราในเวลาห้าม และห้ามดื่ม-ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่กฎหมายกำหนด และห้ามขายให้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี" รอง ผบ.ตร.ระบุ