MGR Online - รมว.ยธ.แจงผลการตรวจยึดอายัดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดรอบ 3 เดือน ตามแผน“ยุทธการพิทักษ์ไทย ตัดวงจรยาเสพติด” มูลค่ากว่า 866 ล้านบาท แต่พบติดขัดข้อกฎหมาย หากหลุดคดีอาญาไม่สามารถยึดทรัพย์ได้ เร่งพิจารณาแก้ไข ตั้งเป้าปี 64 ต้องยึด 6,000 ล้านบาท
วันนี้ (16 ธ.ค.) เวลา 10.00 น. ที่ห้องรับรองกระทรวงยุติธรรม ชั้น 2 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร., นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส., พ.ต.อ. อัครพล บุณโยปัษฎัมภ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ผู้แทนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานอัยการสูงสุด และ กรมสรรพากร ร่วมแถลงผลการดำเนินงานคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด 1 ต.ค. - 15 ธ.ค. 63
นายสมศักดิ์กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องติดตามยึดทรัพย์คดียาเสพติดได้ไม่ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากปัญหาเรื่องข้อกฎหมายโดยระบุว่าหากไม่ผิดคดีอาญาก็ทำให้ไม่สามารถยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดได้ โดยขณะนี้มียอดยึดอายัดทรัพย์สินรวม 866.2 ล้านบาท แบ่งเป็น ยึดอายัดทรัพย์ชั่วคราว 465.5 ล้านบาท อยู่ระหว่างการเสนอยึดอายัด 240.7 ล้านบาท และกรณีดีเอสไอยึดไม้แปรรูปจากเครือข่ายยาเสพติด อีก 150 ล้านบาท ถือว่าสามารถยึดทรัพย์ได้เป็นจำนวนมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ยังมีปัญหาการยึดทรัพย์คดีค้างเก่าที่ติดขัดเรื่องข้อกฎหมายอีก 477.5 ล้านบาท จึงต้องมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นและกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณารายมาตรา ทั้งนี้ ตั้งเป้าปี 64 จะยึดทรัพย์คดียาเสพติดถึง 6,000 ล้านบาท
“ส่วนกรณีตรวจพบสารต้องสงสัยเป็นเคตามีนในโกดัง จ.ฉะเชิงเทรา เบื้องต้นในที่เกิดเหตุได้พิสูจน์กับชุดทดสอบสารเคมีพบว่าสารต้องสงสัยให้ผลเป็นสีม่วง ก่อนนำเข้าห้องปฏิบัติการพบว่าเป็นเคตามีนเพียง 1.2 กรัม จากสารต้องสงสัยจำนวน 493 กระสอบ น้ำหนักรวม 12,449 กิโลกรัม ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ในการขาดองค์ความรู้ ซึ่งนำได้ข้อผิดพลาดดังกล่าวมาพัฒนาแลกเปลี่ยนความรู้กับหน่วยงานต่างๆ มีการจัดสัมมนาอบรมจากผู้เชี่ยวชาญว่ามีสารใดบ้างที่จะทำปฏิกริยาต่อชุดทดสอบให้กลายเป็นสีม่วง เพื่อนำไปพัฒนาการทดสอบสารในอนาคต” นายสมศักดิ์กล่าว
ด้าน พล.ต.อ.มนูเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาล และกระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีเอาผิดขบวนการยาเสพติด ตามกฎหมายฟอกเงินและกฎหมายภาษี โดยช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาติดตามจับกุมเครือข่ายยาเสพติดหลายราย เช่น เครือข่ายยาเสพติดบิ๊กไบค์บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ยึดทรัพย์ไปกว่า 44.5 ล้านบาท, เครือข่ายยาเสพติด จ.ตาก พร้อมยึดไอซ์ น้ำหนักรวม 1.5 ตัน อายัดทรัพย์ตรวจสอบ 20 ล้านบาท, เครือข่ายนายปรเมศ รวยสูงเนิน พร้อมของกลางยาบ้า 2.8 ล้านเม็ด ยึดทรัพย์สินกว่า 20 ล้านบาท และล่าสุดเมื่อคืน (15 ธ.ค.) ตำรวจ บช.ปส.ได้รับแจ้งเบาะแสจากตำรวจไต้หวัน ว่าจะมีเคตามีนล็อตใหญ่ถูกส่งจากไทยไปยังไต้หวัน จึงเข้าตรวจสอบโกดัง อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี สามารถยึดยาเคตามีน น้ำหนัก 300 กิโลกรัม พร้อมจับกุมผู้ต้องหา 1 ราย นอกจากนี้ ขยายผลไปจับกุมเฮโรอีนที่ถูกคนร้ายเครือข่ายดังกล่าวนำไปซุกซ่อนไว้ที่บ้านผู้ต้องหาย่านรัชดา-ห้วยขวาง ได้อีก 228 กิโลกรัม
“จากการสืบสวนเบื้องต้น พบว่าเคตามีนล็อตนี้ลำเลียงมาจากภาคเหนือเช่นเดียวกับเคตามีนล็อตก่อนหน้าที่ถูกส่งไปไต้หวัน แต่ยังไม่ยืนยันว่าเป็นขบวนการเดียวกันหรือไม่ ต้องรอขยายผลสืบสวนก่อน และตำรวจเตรียมขอศาลอนุมัติหมายจับเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดล็อตนี้แล้ว พร้อมมั่นใจยืนยันว่ายาเสพติดที่พบเป็นเคตามีนทั้ง 300 กิโลกรัมแน่นอน และจะไม่มีความผิดพลาดเช่นกรณีที่จังหวัดฉะเชิงเทรา” พล.ต.อ.มนูกล่าว
ส่วนทาง พ.ต.อ.อัครพลเปิดเผยว่า สำหรับคดียึดไม้แปรรูปของดีเอสไอ มูลค่าประมาณ 150 ล้านบาท จากเครือข่ายยาเสพติด จ.สมุทรสาคร ซึ่งทางดีเอสไอมีหน้าที่ในการสนับสนุนปฏิบัติการของหน่วยงานต่างๆ ส่วนคดีฟอกเงินจะขยายผลถึงตัวผู้บงการ และใช้นวัตกรรมสอบสวนนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการตรวจสอบเพื่อยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดอย่างจริงจัง