MGR Online - กองปราบปรามตามรวบสิบแปดมงกุฎเปิดเพจเฟซบุ๊ก-ไลน์ ตั้งกลุ่ม “เทวดาพาทัวร์” หลอกร่วมลงทุนทำธุรกิจทัวร์ ประวัติสุดแสบก่อเหตุต้มตุ๋นอีกเพียบ
วันนี้ (12 ธ.ค.) ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. สั่งการ พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ สว.กก.5 บก.ป. นำกำลังจับกุม นายวีรยศ รอดภัย อายุ 32 ปี ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.690/2563 ลงวันที่ 15 ก.ย.63 ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ได้ในพื้นที่หมู่ 4 ถนนหนองบัวชัยภูมิ ต.ซับสมอทอด อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์
ทั้งนี้ เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา นายวีรยศ ผู้ต้องหาได้เปิดบัญชีเฟซบุ๊กและตั้งกลุ่มไลน์ใช้ชื่อว่า “เทวดาพาทัวร์” โพสต์ข้อความเชิญชวนให้บุคคลทั่วไปเข้าร่วมทำธุรกิจทัวร์ อ้างว่าจะมีงานวิ่งรถรับจ้างมีลูกค้าจำนวนมาก หากใครสนใจให้โอนเงินค่ามัดจำงานละ 1,500 หลังจากเสร็จงานจะโอนค่าจ้างและเงินค่ามัดจำคืนให้ ช่วงแรกๆ นายวีรยศก็จะสร้างตัวละครปลอมขึ้นเป็นลูกค้าของบริษัททัวร์ โดยจะให้ผู้เสียหายไปรับลูกค้ารายดังกล่าว เพื่อสร้างภาพให้กับดูว่ามีลูกค้าจริง จนมีผู้เสียหายหลงเชื่อจำนวนมาก โอนเงินค่ามัดจำงาน 7,500-25,000 บาทต่อคน แต่ปรากฏว่าไม่มีงานตามที่แจ้ง เมื่อกลุ่มผู้เสียหายพยายามทวงเงินค่ามัดจำคืน ก็ถูกบ่ายเบี่ยงจนไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย
นอกจากนี้ยังทราบอีกว่า ผู้ต้องหายังเคยออกอุบายโดยใช้เฟซบุ๊ก-ไลน์โพสต์เชิญชวนบุคคลทั่วไปให้เข้าร่วมทำธุรกิจรถเช่า โดยให้ผู้ที่สนใจนำรถยนต์ของตนเองมาให้ผู้ต้องหานำไปปล่อยเช่าต่อ โดยตกลงจ่ายค่าเช่าเป็นรายเดือน ช่วงแรกๆ ก็จะจ่ายค่าเช่าให้ตรงตามเวลาที่กำหนด พอระยะหลังก็เริ่มจ่ายช้าและบ่ายเบี่ยง เมื่อถูกทวงถามก็จะปิดเฟซบุ๊กและกลุ่มไลน์หนี ทราบด้วยว่าผู้ต้องหายังมีการนำรถของผู้เสียหายไปประกาศขายเป็นรถยนต์มือสองตามเว็บไซต์ต่างๆ สร้างความเสียหายร่วมกันไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
จากการสืบสวนยังทราบอีกด้วยว่า สำหรับรถยนต์ที่ผู้ต้องหาหลอกลวงมาได้นั้นจะนำไปขายต่อราคาคันละ 50,000-300,000 บาท ซึ่งก่อนที่จะขายนั้นผู้ต้องหาจะนำรถยนต์ไปติด GPS เมื่อผู้ซื้อรับรถไปแล้วผู้ต้องหาจะติดตามไปแอบอ้างว่าเป็นตำรวจ หรือทหาร เพื่อยึดรถคืน อ้างว่าเป็นรถหลุดจำนำ หรือหนีไฟแนนซ์ พร้อมเรียกรับเงินจากเหยื่อหลายแสนบาท เป็นค่าดำเนินการเพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดีซื้อรถผิดกฎหมาย กระทั่งเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าผู้ต้องหาจะไปตามยึดรถคืนจากผู้ซื้อรถที่ อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ จึงเข้าจับกุมตัวได้ดังกล่าว
สอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจากการตรวจสอบพบด้วยว่าผู้ต้องหารายนี้ยังหลบหนีหมายจับในคดีลักทรัพย์ และยักยอกของพื้นที่ต่างๆ อีกจำนวน 8 หมายจับ จึงนำตัวส่ง สน.จรเข้น้อย ดำเนินคดีต่อไป