MGR Online - กรมศุลกากรแถลงผลสกัดกั้นเครือข่ายลักลอบนำไอซ์ 62 กก. ยัดใส่เครื่องยนต์เก่า เตรียมส่งไปมาเลเซีย มูลค่าประมาณ 37 ล้านบาท
วันนี้ (24 พ.ย.) เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ศูนย์เอกซเรย์และเทคโนโลยีศุลกากร นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านระบบควบคุมทางศุลกากร พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. นายบัณฑิต สาครวิศวะ ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ร่วมกับ ป.ป.ส.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงผลการสกัดกั้นเครือข่ายลักลอบส่งออกไอซ์ซุกซ่อนในเครื่องยนต์ไปยังประเทศมาเลเซีย ยึดของกลางไอซ์ 62 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 37 ล้านบาท
พล.ต.อ.มนูกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ศุลกากร กองสืบสวนและปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบสินค้าที่จะส่งออกไปยังประเทศมาเลเซีย สำแดงชนิดสินค้าเป็นเศษอะลูมิเนียม ซึ่งเครื่องเอกซเรย์ตรวจก็ไม่อาจพบ ต้องใช้ข้อมูลการข่าว โดยผลการตรวจสอบสินค้าดังกล่าวเป็นเครื่องยนต์เก่าสภาพชำรุด 74 เครื่อง พบไอซ์ 62 กิโลกรัม บรรจุอยู่ในถุงชาจีนแบบสุญญากาศในช่องว่างของเครื่องยนต์เก่า 33 เครื่อง มูลค่ายาเสพติดประมาณ 37 ล้านบาท จึงแจ้งข้อหามีไอซ์ไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามนำไอซ์ออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ก่อนนำของกลางส่งพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และติดตามจับกุมผู้ส่งออกและผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย
นายพชรกล่าวว่า เครื่องเอกซเรย์สามารถเห็นสิ่งผิดปกติได้ แต่เนื่องจากของกลางนั้นซุกซ่อนในเครื่องยนต์โดยห่อหุ้มด้วยกระดาษฟอยล์ และใส่น้ำมันเป็นของเหลวทำให้เครื่องยนต์ใช้การได้ จึงต้องใช้วิธีชำแหละเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดด้วย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นมา กรมศุลกากรมีสถิติการตรวจยึดยาเสพติดทั่วประเทศ รวม 143 คดี มูลค่ายาเสพติดประมาณ 5,488,151,748 บาท ซึ่งไอซ์ในไทยมีมูลค่าประมาณกิโลกรัมละ 1 แสนบาท แต่หากส่งออกแล้วจะมีค่าสูงขึ้นอีก 10 เท่า
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ได้สาธิตการใช้เครื่องมือตรวจพิสูจน์สารเสพติดที่ได้รับการรับรองจากองค์กรศุลกากรโลก โดยใช้วิธีส่องแสงให้กระทบกับสารเคมีโดยไม่ต้องสัมผัสกับตัวสาร ซึ่งรองรับผลการตรวจสารเคมีหลายรายการ พร้อมใช้เทสต์คิตทดสอบสารเคมี โดยผลออกมาเป็นสีน้ำตาล หรือเมทแอมเฟตามีน