xs
xsm
sm
md
lg

ศาลให้เจรจาไกล่เกลี่ย-เลื่อนตรวจหลักฐานคดี “ดร.เซปิง” ฟ้อง “หนุ่ม-กรรชัย” ไป 22 ก.พ.ปีหน้า

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


นายกรรชัย กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม นักแสดงและพิธีกรโทรทัศน์รายการ “โหนกระแส” เดินทางมาศาลอาญา
ศาลเลื่อนตรวจหลักฐานคดี “ดร.เซปิง” ฟ้อง “หนุ่ม กรรชัย” กับพวกหมิ่นประมาทศัลยกรรมเฟซออฟ เนื่องจากจำเลยที่ 5 ผู้เสียหายศัลยกรรมไม่มาศาล ส่วนอีกรายอยู่ต่างประเทศ ศาลนัดอีกครั้ง 22 ก.พ.ปีหน้า โดยเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาไกล่เกลี่ยคดีกันได้

วันนี้ (16 พ.ย.) ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลตรวจพยานหลักฐานและสอบคำให้การจำเลย คดีหมายเลขดำที่ อ.1693/2562 ที่ ดร.เซปิง ไชยศาสน์ อายุ 47 ปี ประธานโครงการศัลยกรรมความงามเฟซออฟ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายกรรชัย กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม นักแสดงและพิธีกรโทรทัศน์รายการ “โหนกระแส” ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3, นายภิญโญภัทร์ ชิดตะวัน ทนายความ, นางพรทิพย์ เอี่ยมโอภาส, น.ส.ไรวินท์ ลอว์สัน, นางพรรณภัคร ไว, นางพัทธนันท์ อินทร์สะอาด และนางประภาพร เบสดาว ผู้เสียหายศัลยกรรม เป็นจำเลยที่ 1-7 เป็นจำเลย ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ซึ่งฟ้องเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญาเพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทนจำนวน 50 ล้านบาทด้วย

คดีนี้โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2562 ระบุว่า โจทก์เป็นผู้ก่อตั้งโครงการเฟซออฟบาย ดร.เซปิง ให้คำปรึกษาด้านศัลยกรรม หากใครจะทำก็จะแนะนำให้ไปทำกับโรงพยาบาลที่มีมาตรฐาน เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2562 รายการโหนกระแส ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ออกอาการรายการ “ภาค 2 เฟซออฟเปลี่ยนหน้าคนเป็นหน้าผี” มีนายกรรชัยเป็นพิธีกร เชิญจำเลยอื่นๆ มาร่วมรายการลักษณะพูดถามกันไปมา มีการวางแผนใส่ความโจทก์ แม้ไม่ระบุชื่อโจทก์แต่ใช้เทคนิคตั้งชื่อหัวข้อรายการเพื่อเชื่อมโยงให้เข้าใจว่าเป็นโจทก์ กับยังเอาข่าวที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล แถลงข่าวมาอ้างอิงในรายการ โดยมีเจตนาให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จึงขอให้ลงโทษฐานหมิ่นประมาท เมื่อมีข่าวและมีการออกอากาศรายการออกไป ทำให้แทบไม่มีคนมีใช้บริการโครงการ ดร.เซปิง หรือถูกยกเลิกนัดทั้งหมด ที่โจทก์วางแผนชีวิตทำธุรกิจ และจะลงสมัคร ส.ส. แต่ชื่อเสียงต้องมาจบสิ้น จึงฟ้องเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท ซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้ประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณา

ในวันนี้ ดร.เซปิง โจทก์พร้อมทนายความมาศาล ขณะที่จำเลยที่ 1, 2, 3, 4, 7 มาศาลพร้อมทนายความ แต่จำเลยที่ 5 และ 6 ไม่มาศาล เมื่อถึงเวลานัด ทนายความจำเลยที่ 5 ได้แถลงต่อศาลว่าไม่สามารถติดต่อจำเลยที่ 5 ได้ ส่วนทนายความจำเลยที่ 6 แถลงว่าขณะนี้จำเลยที่ 6 ได้เดินทางกลับไปทำงานที่สหรัฐอเมริกาแล้ว ช่วงนี้ติดสถานการณ์โควิด-19 และจะเดินทางมาได้ประมาณเดือน เม.ย.ปีหน้า จึงขอให้มีสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 6 ไว้ชั่วคราว ศาลสอบถามทนายความโจทก์แล้วคัดค้านว่าสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลงแล้ว ขณะนี้สามารถเดินทางมาประเทศไทยได้

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า สำหรับจำเลยที่ 5 เคยแจ้งที่อยู่ตามทะเบียนบ้านไว้ที่ จ.พิษณุโลก และยังไม่ได้แจ้งย้ายทะเบียนบ้านแต่อย่างใด จึงให้เจ้าหน้าที่ศาลส่งหมายไปยังที่อยู่ตามทะเบียนบ้านดังกล่าวอีกครั้ง และหากไม่มีคนรับก็ให้ปิดหมายไว้ตามขั้นตอน ส่วนจำเลยที่ 6 นั้นศาลเห็นว่าขณะนี้สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 คลี่คลายแล้ว จำเลยที่ 6 สามารถเดินทางมาประเทศไทยได้ ทั้งนี้ เนื่องจากจำเลยที่ 5 ไม่มาศาลในวันนี้จึงให้เลื่อนนัดตรวจหลักฐานและสอบคำให้การจำเลยอีกครั้งในวันที่ 22 ก.พ. 2564 เวลา 09.00 น. และเนื่องจากเป็นคดีที่ราษฎรฟ้องร้องกันเองจึงให้นำคดีนี้เข้าศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้วย

ภายหลัง นายกรรชัย หรือหนุ่ม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงเหตุการณ์ขณะเจอ ดร.เซปิง ในห้องพิจารณาว่า ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน เจอก็ยกมือไหว้ ยืนยันว่ารายการโหนกระแสเป็นกระบอกเสียงให้แก่ประชาชนจริงๆ เราไม่เคยเข้าข้างไหน คนเดือดร้อนมาร้อง ทีมงานก็คัดเลือกเข้ามาพูดคุยกัน ตนก็นั่งสัมภาษณ์เหมือนทุกครั้ง และยินดีให้คู่กรณีเข้ามาชี้แจง ยืนยันว่าไม่ได้หมิ่นประมาท ตนไม่เคยเกลียดชังหรือรู้จัก ดร.เซปิง จะไปหมิ่นประมาททำไม บริบทเนื้อรายการในวันนั้นมีคำพูดไหนที่นอกกรอบไปหมิ่นประมาทหรือเปล่า มั่นใจว่าไม่มี การไกล่เกลี่ยก็แล้วแต่ทาง ดร.เซปิง ยังไงก็ได้ ตนก็ไม่ชอบค้าความ ถ้าต้องการจะคุยก็แจ้งมา ตนก็คุย และถ้าตนผิดจริงพร้อมยกมือขอโทษทุกคนอยู่แล้ว แต่อะไรที่เราไม่ผิดก็ยืนยันว่าไม่ผิด เราเปิดโอกาสให้ ดร.เซปิง มาออกรายการนานแล้ว ตั้งแต่วันที่คู่กรณีมาออกรายการ เราขอเชิญมาออกจะได้ชี้แจงข้อเท็จจริง ตอนนั้นติดต่อมาจะออกรายการก็โอเค แต่ผ่านไปแค่ 2 วันก็มาฟ้องเลย ก็งงอยู่ไม่รู้จะทำอย่างไร

ขณะที่ช่วงเช้าก่อนเข้าห้องพิจารณา น.ส.เซปิง ไชยศาส์น เจ้าของสถานพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งย่านทาวน์อินทาวน์ ให้สัมภาษณ์ว่ารู้สึกมั่นใจในพยานหลักฐานทั้งหมด และตลอด 2 ปีที่ผ่านมาตนถูกทำลายชื่อเสียง ไม่มีความสุข และไม่เคยเห็นหน้าจำเลยทั้ง 7 คน วันนี้จึงอยากเห็นสีหน้า แววตา ความรู้สึก และอยากเห็นการสำนึกว่าการที่ทำร้ายผู้อื่นไปแล้วย่อมมีความสำนึกอยู่ในใจ การพึ่งอำนาจศาลครั้งนี้มั่นใจว่าความยุติธรรมมีจริง และสังคมต้องได้รู้ข้อเท็จจริง แต่ถ้าจำเลยจะเจรจาไกล่เกลี่ยต้องขอพิจารณาก่อนว่าจำเลยมีความสำนึกผิดหรือไม่ หากสำนึกผิดก็พร้อมที่จะให้อภัย โดยต้องขอโทษผ่านสื่อ เพราะตนเองถูกกระทำผ่านสื่อ

ด้านนายจำนงค์ ชัยมงคล ทนายความ ดร.เซปิง กล่าวว่า วันนี้เป็นนัดพร้อมคู่ความครั้งแรกเพื่อตรวจหลักฐานรวมถึงจะมีการพิจารณานัดวันสืบพยาน ซึ่งโจทก์ได้เบิกความในชั้นไต่สวนไปมากแล้ว ส่วนหลักฐานในทางของกฎหมายมีความมั่นใจ เพราะตรวจสอบแล้วพบว่ามีการพูดในรายการจริง และคำพูดเป็นลักษณะของการใส่ความ หากเป็นเรื่องของการทำดีหรือไม่ดี ทำไมไม่พูดกันข้างนอก แต่กลับพูดออกรายการให้ประชาชนรับรู้ และข้อเท็จจริงที่นำเสนอออกไปยังไม่ได้มีการพิสูจน์ว่าจริงหรือเท็จ แต่ถึงข้อมูลของจำเลยจะเป็นข้อเท็จจริงก็ยังถือว่าเป็นการหมิ่นประมาท นอกจากนี้ยังมีการฟ้องคดีแพ่งโดย น.ส.เซปิงได้เรียกค่าเสียหายกว่า 50 ล้านบาท








กำลังโหลดความคิดเห็น