MGR Online - รอง ผบ.ตร.แถลงชี้แจงกรณีบุกค้นบ้านเป้าหมาย 13 จุด หาหลักฐานเพิ่มเติมคดียิงหน้านวดแผนโบราณย่านราชพฤกษ์
วันนี้ (10 พ.ย.) ที่ สน.ภาษีเจริญ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.9 และ พ.ต.อ.ลือศักดิ์ ดำเนินสวัสดิ์ ผกก.สน.ภาษีเจริญ แถลงผลภายหลังตำรวจ กก.ดส.บช.น. สนธิกำลังฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.9 กก.สส.บก.น.7 และหน่วยปฏิบัติการพิเศษอรินทราช 26 เข้าตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 13 จุดในพื้นที่กรุงเทพมหานครเมื่อช่วงเช้าวันนี้ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในคดีที่นายอภิรักษ์ หรือเสี่ยโป้ ชัชอานนท์ อายุ 28 ปี กับพวกถูกกล่าวหาว่าพยายามฆ่าผู้อื่น จากเหตุทะเลาะวิวาทกับอริที่ร้านนวดแผนโบราณย่านราชพฤกษ์ เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับเป้าหมายที่ทั้ง 13 จุดที่ตรวจค้นในวันนี้ แบ่งเป็นฝ่ายของเสี่ยโป้ 10 จุด และฝ่ายนายธนบดี หรือตั้ว อิ่มใจ อายุ 32 ปี คู่กรณีอีก 3 จุด ตามหมายจับจำนวน 7 หมาย ซึ่งเป็นหมายจับคดีอาวุธปืนของฝ่ายเสี่ยโป้ โดยมีหนึ่งในเป้าหมายที่น่าสนใจ คือ อาคารพาณิชย์ 5 ชั้น 7 คูหา ในซอยเพชรเกษมซอย 44 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ บ้านพักของเสี่ยโป้และครอบครัว
ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของ สน.ภาษีเจริญ คดีอาวุธปืนได้ 3 ราย คือ นายนราศักดิ์ ฟักทอง นายอรรถพล สมเสือ และนายสราวุธ กฤษณะสุคนธ์ จับกุมผู้ต้องหาคดีครอบครองอาวุธปืนและยาเสพติด 1 คน คือ นายสันติรักศ์ คุมมงคล และผู้ต้องหาครอบครองยาเสพติด 1 คน คือ นายวรรัตน์ วงศ์เพ็ชรเขียว ตรวจยึดอาวุธปืนได้รวม 5 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน 137 นัด และยึดยาเคตามีน 111.27 กรัม
พล.ต.อ.สุชาติกล่าวว่า การตรวจค้นครั้งนี้เป็นการขยายผลจากคดีร่วมกันพยายามฆ่า ที่พวกของเสี่ยโป้ยิงกับคู่กรณีที่หน้าร้านนวดสรี เหตุเกิดในท้องที่ สน.ภาษีเจริญ เมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นการหาหลักฐานเพิ่มเติม และป้องปรามไปพร้อมกัน ขั้นตอนขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยายหลักฐานหาว่าใครใช้อาวุธปืนก่อเหตุจะต้องถูกดำเนินคดี แต่ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบให้แน่ชัด สำหรับผลการปฏิบัติสามารถตรวจค้นจับกุมกลุ่มที่กระทำความผิดทั้ง 2 ฝ่ายที่ทะเลาะวิวาทกันทั้งฝ่ายที่ถูกยิงและฝ่ายเสี่ยโป้
พล.ต.อ.สุชาติกล่าวต่อไปว่า ในการสอบสวนคดีนี้มีวัตถุพยานชัดเจน ศาลจึงเชื่อและออกหมายจับได้ ส่วนกล้องวงจรปิดต้องตรวจสอบอยู่แล้ว แต่ในพฤติการณ์ต้องไปดูซึ่งข้อเท็จจริงรายละเอียดอยู่ในสำนวน เบื้องต้นอาวุธปืนที่พบมีทะเบียนทุกกระบอก มีบางส่วนที่ดัดแปลง ต้องไปให้ พฐ.ตรวจว่าปืนที่พบเป็นปืนที่ใช้ทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและร่างกายได้หรือไม่ รวมทั้งเป็นปืนตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการในที่ประชุมไปวันนี้ว่าจะต้องไม่มีเหตุทะเลาะวิวาทเช่นนี้เกิดขึ้นอีกในพื้นที่ ให้หาทางป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ซ้ำซากขึ้นมาอีก
ขณะที่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตำรวจได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องแล้วเสนอให้ศาลพิจารณาซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับ จำนวน 7 หมาย เป็นคดีเกี่ยวกับอาวุธปืนฝ่ายเสี่ยโป้ จากการปิดล้อมตรวจค้นวันนี้ สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องตามหมายจับได้ จำนวน 3 ราย ที่เหลือตำรวจจะสืบสวนติดตามจับกุมตัวต่อไป นอกจากนี้ ศาลยังได้ออกหมายค้น 12 จุด รวมที่พัก 13 หลัง ผลตรวจค้นพบอาวุธปืนจำนวน 5 กระบอก กระสุนกว่า 137 นัด แบ่งเป็นอาวุธปืนของฝ่ายนายธนบดี อิ่มใจ อายุ 32 ปี หรือตั้ว 4 กระบอก อีก 1 กระบอกเป็นของฝ่ายที่รู้จักกับเสี่ยโป้
พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวต่อไปว่า หลังจากนี้จะส่งปืนที่ตรวจยึดได้ทั้งหมดไปตรวจเปรียบเทียบกับการกระทำความผิดในคดีอื่นในพื้นที่ กทม.และพื้นที่อื่นๆ ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาวุธปืนที่ตรวจค้นได้หรือไม่ ทั้งนี้ คดีนี้ตำรวจดำเนินไปตามพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ใครทำผิดก็ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน หากประชาชนคนใดเห็นเหตุกาณ์ หรือมีพยานหลักฐานในส่วนที่เกี่ยวข้องก็สามารถแจ้งเบาะแสมาที่ตำรวจได้
ด้านเสี่ยโป้กล่าวว่า เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทครั้งนี้ต่างสมัครใจกันที่จะมาหาเรื่องที่ร้านสรี ต่างฝ่ายต่างมีปืน แต่ไม่ทราบว่าใครมีบ้าง แต่สุดท้ายไม่ว่าใครจะเจ็บก็มาร้องขอความเป็นธรรมกับสังคม ตนก็ยินดีให้ความร่วมมือในการตรวจค้นของตำรวจ ยืนยันว่าตนเป็นคนธรรมดา ไม่ได้ใส่เสื้อเหลืองแล้วจะไม่โดนจับ ตอนนี้ยอมรับว่าชื่นใจขึ้น เพราะ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.มาคุมคดีเอง
เสี่ยโป้กล่าวอีกว่า คดีความในฝั่งตนยังไม่มีหลักฐานมากพอจะแจ้งความกลับคู่กรณี เพราะไม่มีหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด แต่ยืนยันได้ว่าเพื่อนตนไม่ได้จ่อยิงคู่กรณีตามที่เขาให้ข่าวไปแน่นอน เพราะที่เกิดเหตุไม่มีคราบเลือด แต่มีคราบเลือดอยู่ริมถนน เชื่อว่ากล้องของทางหลวงจะต้องเห็นแน่นอน หากตำรวจจะมาค้นอีกก็มาเลย เพราะตนไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย และหากชนะคดีนี้ก็จะฟ้องกลับแน่ โดยจะให้นางศรันยา หวังสุขเจริญ หรือทนายนิด้า แจ้งความฐานหมิ่นประมาท และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์