xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : งานเข้า กกต.เชือดผิด ปมคืนสิทธิ์ ส.ส.สุรพล

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“ข่าวลึกปมลับ”ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันพุธที่ 30 กันยายน 2563 ตอน งานเข้า กกต.เชือดผิด ปมคืนสิทธิ์ ส.ส.สุรพล



อีนุงตุงนังแน่ กรณี ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ยกคำร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ขอเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือ ใบส้ม และให้ชดใช้ค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้ง “สุรพล เกียรติไชยากร” อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย

จากกรณีใส่ซองทำบุญให้กับพระสงฆ์จำนวน 2,000 บาท ซึ่ง กกต.วินิจฉัยว่า มีมูลความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 (2) ฐานให้เงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใดในช่วงที่มีการเลือกตั้ง กกต. จึงแจกใบส้มให้

สุรพล เตรียมจะฟ้อง กกต.เรียกค่าเสียหายจำนวน 70 ล้านบาท ก็เป็นสิทธิที่ต้องว่ากันต่อไป ส่วนกกต. ก็มีเกราะคุ้มกันเพราะการวินิจฉัยของ กกต. เป็นการใช้ดุลพินิจตามหน้าที่และอำนาจที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 225 กำหนดไว้ ซึ่งคำสั่งดังกล่าวถือเป็นที่สุดและเมื่อเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ และเป็นการกระทำโดยสุจริต

ย่อมได้รับความคุ้มครองไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางปกครอง ตาม มาตรา 23 วรรคสอง แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.

แต่ที่จะยุ่งเพราะเรื่องสถานะของ สุรพล ที่เท่ากับว่า วันนี้การที่ศาลยกร้อง ทำให้กลายเป็นผู้บริสุทธิ์ แล้วสถานะ ส.ส.จะยังคงอยู่หรือไม่ เนื่องจากภายหลัง กกต.ได้แจกใบส้มแล้ว ได้มีการจัดเลือกซ่อม ส.ส. โดยตัดสิทธิ์พรรคเพื่อไทยในการส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงแข่งครั้งนั้น

ส่งผลให้พรรคฝ่ายค้าน ตัดสินใจส่ง ศรีนวล บุญลือ จากพรรคอนาคตใหม่ ลงไปป้องกันแชมป์ให้ ปรากฏว่า ชนะพรรคพลังประชารัฐแบบถล่มทลาย ได้คะแนน ส.ส.มากที่สุดในประเทศถึง 75,891 คะแนน

ขณะเดียวกัน ผลจากการเลือกตั้งซ่อมดังกล่าว ยังส่งผลให้ต้องมีการคำนวณ ส.ส.พึงมีของแต่ละพรรคใหม่ และเป็นพรรคพลังประชารัฐที่ได้ ส.ส.เพิ่ม 1 คน คือ “มาดามเดียร์” วทันยา วงษ์โอภาสี และพรรคประชาธิปัตย์ 1 คน “น้องตั๊น” จิตภัสร์ กฤดากร

ขณะที่ปัจจุบัน ทั้งพรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์ ต่างมี ส.ส.บัญชีรายชื่อ เกินลำดับของ วทันยา และจิตภัสร์ ไปหลายคนแล้ว อันมาจากการลาออกของ ส.ส.ในพรรคตัวเอง จนต้องเลื่อนลำดับถัดไปผ่านมาหลายช่วงตัว การจะให้ทั้ง 2 คนพ้นสภาพยิ่งจะทำให้เป็นยุ่งเหยิงไปกันใหญ่ ไม่ต่างกับ ลิงแก้แห

แต่จะทำอย่างไรกับคะแนน 5 หมื่นกว่าคะแนนที่ สุรพล ได้รับในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 เพราะถือว่า ประชาชนเป็นคนเลือกมา จะทิ้งลงน้ำย่อมเป็นการมองข้ามสิทธิของประชาชน

หากจะนำไปคำนวณแล้วมอบคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ให้พรรคเพื่อไทยแทนเพื่อชดเชยก็มาไม่ได้ เพราะพรรคเพื่อไทยมี ส.ส.พึงมีครบแล้ว ไม่สามารถมี ส.ส.บัญชีรายชื่อได้

นอกจากนี้ ตามกฎหมายยังกำหนดว่า กกต.ต้องคำนวณ ส.ส.พึงมีแต่ละพรรคใหม่เมื่อครบ 1 ปี แต่วันนี้เกินระยะเวลาดังกล่าวแล้ว จะไปนำคำนวณอย่างไร

เมื่อทิ้งลงน้ำไม่ได้ และนำไปคำนวณใหม่ไม่ได้ กกต.จะชดเชย สุรพล อย่างไร เพราะตามนิตินัยถือว่า ยังเป็น ส.ส.อยู่ เนื่องจากศาลได้วินิจฉัยแล้วว่า เป็นผู้บริสุทธิ์

คำวินิจฉัยของ กกต.เป็นการตัดสิทธิ์ ส.ส. ทั้งที่ สุรพล เป็นผู้บริสุทธิ์ นอกจากตัวเงินแล้วจะชดเชยอย่างไรที่คุ้มค่า โดยเฉพาะตำแหน่ง ส.ส.มันไม่สามารถชดเชยเป็นอย่างอื่นได้

หากจะให้เป็น ส.ส.เขต 8 เชียงใหม่เหมือนเดิม แล้ว ศรีนวล ซึ่งผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว และชนะถูกต้องตามกฎหมาย จะไปอยู่ตรงไหน เพราะเขตเลือกตั้งหนึ่งไม่สามารถมี ส.ส. 2 คนได้

แน่นอนว่า ปัจจุบัน ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร อาจจะมีไม่ถึง 500 คน เนื่องจากมี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่เป็นกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ถูกตัดสิทธิ์ไปหลายคน ยังไม่สามารถหาวิธีมาทดแทนได้ แต่จะมาจับยัดดื้อๆ ก็ไม่ได้เช่นกัน เพราะไม่มีหลักกฎหมายรองรับ

และแม้จะอ้างว่า กฎหมายคุ้มครองคำวินิจฉัยของ กกต. แต่หาก กกต.วินิจฉัยผิด ผู้ที่ถูกกล่าวหาก็ย่อมต้องได้รับสิทธิคืนเช่นกัน ปล่อยผ่านโดยไม่ชดเชยไม่ได้ และไม่ใช่ว่าจะชดเชยอะไรก็ได้ แต่ต้องอิงหลักกฎหมายเป็นสำคัญ

ต้องบอกว่า งานเข้าครั้งใหญ่ เพราะหาทางออกลำบาก ออกทางไหนถ้าไม่สมเหตุสมผล กกต.โดนสหบาทารุมยำแน่ เพราะตกเป็นเป้านิ่งมาจากวีรกรรมในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสูตรการนับคะแนน ที่วันนี้ยังไม่ได้มีการเปิดเผย จนถูกค่อนแคะว่า บัตรออกลูก บัตรเขย่ง ส.ส.ปัดเศษ และอีกนานาสารพัด เรื่อง

มาเจอกรณี สุรพล อีก หนักเข้าไปใหญ่ หนำซ้ำยังเป็นกรณีที่ยากมาก ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย จะดิ้นทางไหน

งานนี้ไม่เล็กแน่ เพราะกรณี สุรพล นี้หากย้อนไปถือเป็นตัวแปรสำคัญทำให้สามารถจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ เพราะขณะนั้นเสียงระหว่างพรรคพลังประชารัฐ กับ 7 พรรคฝ่ายค้าน ค่อนข้างปริ่มน้ำ ห่างกันไม่ถึง 10 เสียง

การเลือกตั้งซ่อมหนนั้น แม้พรรคพลังประชารัฐจะแพ้ให้กับ ศรีนวล สมัยยังอยู่กับพรรคอนาคตใหม่ แต่ก็ได้ปัดเศษ ส.ส.มาถึง 2 คน คือ วทันยา และจิตภัสร์

มันยิ่งทำให้สังคมจับจ้อง กกต.อีกว่า การตัดสินใจแจกใบส้ม สุรพล ครั้งนั้น อาจจะมีนัยทางการเมือง ที่ช่วยให้พรรคพลังประชารัฐสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ และทำให้ช่องว่างระหว่างเสียงของพรรคฝ่ายรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านมีมากขึ้น

เป็นเรื่องอีนุงตุงนังจริงๆ แค่ลงมีดเชือดพลาดไปทีเดียว


กำลังโหลดความคิดเห็น