MGR Online - รมว.ยธ.กำชับราชทัณฑ์-คุมประพฤติ จัดชั้นนักโทษหลังปล่อยตัว พร้อมศึกษาสิทธิพิเศษจูงใจเอกชนลงทุนร่วมเรือนจำ สร้างอาชีพให้ผู้ต้องขังหลังพ้นโทษ
วันนี้ (16 ก.ย.) เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม โดยมีนายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม, ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม, นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม, นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม รองอธิบดีกรมต่างๆ ในกระทรวงยุติธรรม และข้าราชการส่วนต่างๆ เข้าร่วมประชุม
โดยนายสมศักดิ์ได้กำชับในส่วนงานหลักของกระทรวง ทางกรมคุ้มครองสิทธิ และกรมบังคับคดี ต้องลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศ เพื่อการไกล่เกลี่ย รับเรื่องราวร้องทุกข์ เวลานี้เรามีกองทุนยุติธรรมเป็นเครื่องมือสำคัญในการเครือข่ายเข้าถึงประชาชนได้ อย่างไรก็ตาม ในระยะแรกพื้นที่กรุงเทพฯ ต้องทำได้ ตนเชื่อว่ากรมคุ้มครองสิทธิฯ และกรมบังคับคดีตั้งใจทำงานอยู่แล้ว แต่เราต้องบูรณาการร่วมกันให้พื้นที่กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่นำร่อง เช่น การสร้างอาสาสมัครภาคประชาชน จากนั้นจะได้ขยายไปต่างจังหวัด ทั้งนี้ เรื่องการช่วยเหลือสังคม อยากให้ทุกหน่วยงานไปคิดรูปแบบมาว่าจะทำอะไรบ้างเพื่อเป็นทำงานเชิงรุก
นายสมศักดิ์ยังได้สอบถามถึงความคืบหน้าการศึกษาสิทธิพิเศษเพื่อจูงใจเอกชนมาร่วมลงทุนในเรือนจำ เช่น การลดหย่อนภาษีสำหรับเอกชนที่มาร่วมลงทุนจะมีแนวทางพิจารณาถึงผลิตภัณฑ์ที่จะจูงใจให้เอกชนมาลงทุนอย่างไร และเพื่อเป็นการให้ผู้ต้องขังฝึกอาชีพ มีทักษะต่างๆ ที่จะสามารถนำไปประกอบอาชีพได้หลังพ้นโทษ ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2564 ผู้ต้องขังในเรือนจำจะต้องมีไม่เกิน 300,000 คน
นอกจากนี้ บรรยากาศในที่ประชุม นายสมศักดิ์ได้ถามถึงการจัดชั้นนักโทษ การติดตามนักโทษเดรัจฉาน โดยกำชับว่า การแก้ไข พ.ร.บ.คุมประพฤติ และ พ.ร.บ.กักกัน ก็ทำไปตามขั้นตอน แต่ระยะเร่งด่วนต้องทำให้เห็นผล เช่น การแก้ระเบียบต่างๆ เพราะในเรื่องของผู้ต้องขังกลุ่มเดรัจฉานนั้น เมื่อพ้นโทษออกมา ส่วนใหญ่สังคมจะหวาดกลัว เพราะต้องโทษในคดีที่รุนแรง หลายครั้งเมื่ออกมามีการทำความผิดซ้ำ ดังนั้นจึงอยากให้มีการควบคุมอย่างไรได้บ้างหรือไม่ เช่น การติดกำไล EM เพื่อติดตามพฤติกรรม เพราะเราอยากให้สังคมปลอดภัยและเกิดความสบายใจ