MGR Online - นักศึกษาอาชีวะวิทยาเขตรวมตัวเอาผิดผู้บริหารวิทยาลัยเทคโนโลยี จ.ชัยนาท หลังลงทะเบียนเรียนหวังได้วุฒิบัตรต่อยอดอนาคต สุดท้ายได้บัตรปลอมแถมเสียเงินฟรี
วันนี้ (8 ก.ย.) เวลา 09.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ในฐานะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม นำนิสิตนักศึกษากว่า 100 ราย เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายสุเทพ แก่งสันเทียะ รองเลขาธิการคณะกรรมการ การอาชีวศึกษา และนายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผู้อำนวยการกอง ธุรกิจการเงินนอกระบบ ดีเอสไอ กรณีถูกหลอกจากการโฆษณาทั้งระบบคอมพิวเตอร์และแอปพลิเคชั่นไลน์ในการเปิดสอนหลักสูตร ปวช. และ ปวส. ของกระทรวงศึกษาธิการจากวิทยาลัยเทคโนโลยี จ.ชัยนาท แต่เมื่อจบการศึกษากลับได้วุฒิบัตรปลอม
นายสงกานต์เปิดเผยว่า วิทยาลัยเทคโนโลยี จ.ชัยนาท ได้เปิดสอนหลักสูตรการศึกษาระดับ ปวช. และ ปวส. ในวิทยาเขตนอกพื้นที่เป็นศูนย์การเรียนหลายจังหวัด เช่น สมุทรสาคร เพชรบุรี นครสวรรค์ ราชบุรี สมุทรปราการ และนครปฐม โดยเปิดสอนมาเป็นเวลา 6 ปี มีนักศึกษา 4 รุ่น จำนวนกว่า 700 คน โดยนักศึกษาต้องเสียค่าลงทะเบียนเรียนเป็นจำนวนเงินกว่า 4 หมื่นบาท แต่ภาคเรียนล่าสุดระหว่างเข้ารับการศึกษาอ้างว่ามีความจำเป็นต้องเลิกกิจการกะทันหัน และปฏิเสธความรับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้มีนิสิตนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนต้องเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์
ด้านนายเจตน์กล่าวว่า ผู้เสียหายเป็นนักศึกษาเข้าร้องทุกข์เพิ่มเติมว่าประกาศนียบัตรจบการศึกษาระดับ ปวช. และ ปวส. ที่กระทรวงศึกษาธิการรับรองคุณวุฒิ จากการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ของกระทรวงฯ พบว่าการเปิดศูนย์การเรียนรู้ดังกล่าวไม่ได้ขออนุญาตจากกระทรวงฯ ทำให้นักศึกษาเรียนจบหลักสูตรแต่ได้รับใบประกาศนียบัตรปลอมและไม่มีชื่อในสารบบความของผู้จบการศึกษาจริงถือเป็นการหลอกลวงประชาชน และเป็นการร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการของกระทรวงศึกษาธิการ ให้ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ จะดำเนินคดีต่อผู้บริหารของวิทยาลัยเทคโนโลยี จ.ชัยนาท ให้ถึงที่สุดเพราะทำให้กระทรวงฯเสียหาย ส่วนการเยียวยานักศึกษาผู้เสียหายจะให้ไปลงทะเบียนเรียน หรือโอนหน่วยกิตเรียนกับสถาบันอาชีวะแห่งอื่นของรัฐบาลที่กระทรวงศึกษาธิการรองรับเพื่อประเมินผลออกใบวุฒิบัตรฉบับจริงต่อไป
ส่วนทางนายสุเทพเผยว่า ที่ผ่านมานิสิตนักศึกษาได้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนในแต่ละท้องที่ ปรากฏว่าคดีไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ประกอบกับคดีนี้มีความสลับซับซ้อน และลักษณะการกระทำเป็นขบวนการแบ่งหน้าที่กันทำและเป็นขั้นเป็นตอน ตลอดจนมีผู้เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมากและหลายหน่วยงานในการร่วมกันโฆษณาหลอกลวงประชาชนที่มีความตั้งใจที่จะศึกษาเล่าเรียนเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ของตนและคุณวุฒิทางการศึกษาให้เป็นที่ยอมรับในหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนแต่กับถูกหลอกลวงให้เสียทรัพย์สินเป็นจำนวนมากนับเป็นภัยอย่างร้ายแรงต่อแวดวงทางการศึกษาของไทย จึงมาร้องทุกข์ต่อดีเอสไอเพื่อพิจารณารับเป็นคดีพิเศษต่อไป
การกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าวถือว่าเป็นการร่วมกันกระทำความผิดทางอาญา ต่างกรรมต่างวาระ ตาม ป.อ. มาตรา 83 มาตรา 91, มาตรา 341, มาตรา 343, มาตรา 265 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา14 (1) และความผิดอื่นๆ ที่เกียวข้อง
ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์เปิดเผยว่า จะสอบสวนรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นกับกรณีดังกล่าวก่อน หากเข้าหลักเกณฑ์จะนำเรื่องสู่คณะกรรมการคดีพิเศษเพื่อพิจารณาเป็นคดีพิเศษต่อไป
ขณะที่ น.ส.จิราพัชร พุ่มกลิ่น อายุ 27 ปี นักศึกษาผู้เสียหายจากศูนย์ฯ จ.เพชรบุรี กล่าวว่า ตนเรียน ปวส. และได้รับวุฒิบัตรมาแล้ว โดยไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตนเอง เพราะนักศึกษาทุกคนต้องการเรียนเพื่อเอาความรู้และวุฒิการศึกษาไปต่อยอดการทำงานและสมัครงานในอนาคต แต่สุดท้ายกลับถูกหลอกทำให้เสียทั้งเงินและเวลาในการเล่าเรียน