MGR Online - ยาย-หลานเรียกแท็กซี่ไปเยี่ยมลูกป่วยมะเร็งเต้านม ถูกโชเฟอร์ไล่ลงรถกลางทาง พร้อมฉกทรัพย์ 4 หมื่นบาท หนีกบดาน ก่อนย่ามใจกลับเข้ากรุงถูกตำรวจรวบทันที
วันนี้ (3 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. พ.ต.อ.ภัสพงษ์ บุตรไทย ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ทรงวุฒิ เชื้อพลากิจ รองผกก.สส.สน.ราษฎร์บูรณะ นำกำลังจับกุมตัว นายวาส เจริญเขต อายุ 50 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง 1 เครื่อง และรถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีเหลือง ทะเบียน ทห 6101 กรุงเทพมหานคร ของสหกรณ์แท็กซี่ไทยสมาร์ท จำกัด 1 คัน โดยจับกุมตัวได้ที่ห้องพักเลขที่ 902 แฟลตยานนาวา ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ซอย 30 แยก 4 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กทม.
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 18.50 น.วันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา นางทองใบ ถ้วนศรี อายุ 91 ปี ผู้เสียหาย ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ เพื่อแจ้งความว่า ตนกับหลานชายวัย 10 ขวบ เดินทางมาเยี่ยมลูกสาวป่วยมะเร็งเต้านมที่ รพ.ราษฎร์บูรณะ ก่อนว่าจ้างรถแท็กซี่สาธารณะสีเหลือง จำทะเบียนไม่ได้ จากบริเวณหน้าโรงพยาบาล ให้ไปส่งที่บ้านพักในซอยสุขสวัสดิ์ 62 แต่พอขึ้นรถไปได้ไม่เกิน 100 เมตร โชเฟอร์แท็กซี่ก็ปฏิเสธบอกไม่ไป เพราะไม่รู้จักทาง จึงจอดรถไล่ให้ผู้เสียหายและหลานชายลงจากรถ โดยลืมกระเป๋าสีม่วง มีหูหิ้วภายในบรรจุเงินสด 10,000 บาท โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุงสีฟ้า รุ่น Calaxy A2 core พร้อมซิมการ์ดหมายเลข 096-095-7097 จำนวน 1 เครื่อง และสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 1 บาท อีก 1 เส้น เอาไว้บนรถ แม้ผู้เสียหายจะพยายามโทร.ติดต่อไปที่มือถือของตนเองในทันทีแล้ว แต่ปรากฏว่า โชเฟอร์ไม่ยอมรับสาย กระทั่งมือถือถูกปิดไป จึงต้องตัดสินใจเข้าแจ้งความให้ตำรวจช่วยตามหาทรัพย์สินและติดตามจับกุมโชเฟอร์รายนี้มาดำเนินการตามกฎหมาย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดโบกเเท็กซี่ และจุดที่โชเฟอร์ไล่ผู้เสียหายลงจากรถพบว่า รถแท็กซี่คันดังกล่าวมีนายวาส เป็นผู้ขับขี่ มีการนำรถแท็กซี่ไปส่งคืนที่อู่เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.วันที่ 23 มิ.ย.หลังก่อเหตุ 1 วัน จากนั้นนายวาสก็หายหน้าไป กระทั่งวันนี้เจ้าตัวย่ามใจย้อนกลับมาในพื้นที่กรุงเทพฯอีกครั้ง ตำรวจจึงบุกไปจับกุมตัวได้ที่ห้องพัก พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายจำนวน 1 เครื่อง
จากการสอบสวนนายวาส ยอมรับไล่ผู้เสียหายกับหลานชายลงจากรถจริง เพราะพูดจาจู้จี้ ส่วนทรัพย์สิน ประกอบด้วย เงินสด 10,000 บาท และสร้อยทองหนัก 1 บาท นำไปขายแลกเงินมาใช้จ่ายหมดแล้ว สำหรับซิมมือถือก็ถอดโยนทิ้งไปเก็บไว้แต่เครื่องโทรศัพท์ หลังเกิดเหตุก็หยุดเช่าแท็กซี่ขับหนีไปกบดานตามที่ต่างๆ และกลับบ้านต่างจังหวัดรอจนเรื่องเงียบแล้วกลับมากรุงเทพฯอีกครั้ง จนมาโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในที่สุด