พูดได้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ทำให้การวิธีการดำเนินงานของทุกสาขาอาชีพต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมไม่มากก็น้อย เพื่อร่วมมือกับมาตรการของรัฐอย่างเคร่งครัด เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โดยเฉพาะงานด้านการบริการ ที่จะปรับให้เข้ากับวิถีชีวิตของผู้คนในสังคม ที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปจากเดิมอย่างมาก
“อาชีพขับรถแท็กซี่” หรือที่หลายคนเรียกว่า “โชเฟอร์แท็กซี่” ก็เป็นหนึ่งอาชีพที่ได้รับผลกระทบ แม้ในปัจจุบันทางรัฐจากมีมาตรการคลายล็อกบ้างแล้ว แต่จำนวนผู้โดยสารที่ลดน้อยลง ทำให้รายได้ขาดหายไปอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงปกติ อีกทั้งทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ยังได้มีประกาศห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว จึงทำให้นักท่องเที่ยวซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้โดยสารที่ใช้บริการแท็กซี่ลดน้อยลง จึงทำให้เหล่าโชเฟอร์แท็กซี่ต้องมีการปรับวิธีการดำเนินงาน ให้เข้ากับสถานการณ์ ที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ยังคงมีอยู่
นายประทีป อินทร์คล้าย หนึ่งในโชเฟอร์แท็กซี่ที่ได้มีการปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงาน ด้วยการนำ “หน้ากากอนามัย” (Mask) มาขายบนรถแท็กซี่ที่ขับให้บริการ จากปกติที่เคยขับแท็กซี่ให้บริการละแวกย่านบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ซึ่งจุดนี้เป็นจุดต่อรถโดยสารหลายสาย และยังเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง จึงทำให้มีลูกค้าเรียกใช้บริการไม่เคยขาด แต่หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ซึ่งเป็นเหตุทำให้รัฐออกมาตรให้ประชาชนอยู่บ้าน มีการปิดห้างสรรพสินค้า และมีคำสั่งเคอร์ฟิว จึงให้บรรยากาศย่านบางใหญ่เงียบเหงา ไปพร้อมๆ กับลูกค้าที่ลดลง สร้างกระทบต่อรายได้เป็นอย่างมาก จากที่เคยรับลูกค้าวันละ 5 – 6 คน ก็ได้เพียงวันละ 1- 2 คน แม้จะมีการปรับเปลี่ยนเวลาออกมาขับให้เร็วขึ้น ก็ไม่ได้ช่วยอะไร
จุดเริ่มต้นของการนำหน้ากากอนามัยมาขายบนรถนั้น เริ่มมากจากข่าวการขาดแคลนหน้ากากอนามัย จึงทำให้ภรรยาที่บ้านหันมาตัดเย็บหน้ากากอนามัยจากผ้า เพื่อขายเป็นรายได้เสริม ด้วยเหตุนี้ให้เกิดไอเดียนำหน้ากากอนามัยมาขายบนรถแท็กซี่ที่ตัวเองขับอยู่ หน้ากากอนามัยที่นำมาขายนั้น เป็นหน้ากากอนามัยที่ตัดจากผ้าลวดลายต่างๆ มีทั้งไซต์ปกติสำหรับผู้ใหญ่ และไซต์เล็กสำหรับเด็ก และมีแบบชั้นเดียวและสองชั้น ขายในราคา 10 - 20 บาท มีหลายลวดลายให้ได้เลือก จนได้รับความสนใจอย่างมากจากลูกค้าที่เรียกใช้บริการรถแท็กซี่ของตน
ในเรื่องกระแสตอบรับนั้น พูดได้ว่าดีมาก ในช่วงแรกๆ ที่มีข่าวการแพร่ระบาด สามารถขายหน้ากากอนามัยได้ถึงวันละ 40 - 50 ชิ้น สร้างรายได้ให้เกือบวันละ 1,000 บาท แม้ในช่วงนี้จะมีหน้ากากอนามัยมาวางขายกันบ้างแล้ว แต่ก็ยังได้รับความสนใจจากลูกค้า ขายได้วันละ 5 – 10 ชิ้น เป็นรายได้เสริมที่ดีในช่วงที่ลูกค้าหายหน้าหายตา
นับเป็นหนี่งในความคิดดีๆ ที่ถูกนำมาใช้และปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน จากโชเฟอร์แท็กซี่ธรรมดาคนหนึ่ง ที่ได้กลายมาเป็นพ่อค้าขายหน้ากาอนามัยบนรถแท็กซี่ของตนเอง ที่สามารถสร้างรายได้เสริมไปพร้อมๆ กับการหารายได้หลัก การปรับเปลี่ยนเปลี่ยนวิธีคิดและกล้าที่จะทำ จึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดี ในยามที่การแพร่ระบาดของไวรัสยังคงมีอยู่ และทุกๆ อย่างไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้อีกครั้ง
** * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า"SMEsผู้จัดการ"รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุดและร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
SMEs manager