MGR Online - รมว.ยธ.- ดีเอสไอ แถลงผลการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายเครือข่ายยาเสพติด “ชบา” ยึดทรัพย์สินเกี่ยวข้องกระทำผิด มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท พบผู้เกี่ยวข้องเงินหมุนเวียนในบัญชี 1,000 ล้านต่อปี ไม่มีการชำระภาษี เตรียมขยายผล
วันนี้ (21 ส.ค.) เวลา 10.30 น. ณ ห้องรับรองกระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.) พร้อมด้วย พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ นายอุทัย สินมา อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีแรงงานภาค 3 ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานสืบสวนสอบสวนทางการเงิน ร่วมแถลงผลการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด “ยุทธการพิทักษ์ไทย ยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด” ครั้งที่ 5/2563
พ.ต.ท.กรวัชร์ เปิดเผยว่า ดีเอสไอ ได้รับมอบหมายจากกระทรวงยุติธรรม ดำเนินการติดตามตรวจสอบเครือข่ายยาเสพติดของ น.ส.ชบา นานกว่า 3 เดือน โดยนำเทคโนโลยีสืบค้นธุรกรรมทางการเงินมาใช้เพียง 2 เดือน พบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีจำนวนมากและมีการโอนเงินไปยังบัญชีอื่นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีการนำเงินไปลงทุนทำธุรกิจสถานบันเทิง รวมทั้งมีชาวต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง กระทั่งเมื่อวันที่ 19 ส.ค. 63 เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายพร้อมกัน 5 จุด ใน จ.ชลบุรี จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรปราการ และ กรุงเทพมหานคร 2 จุด คือ เขตบางเขน และ เขตตลิ่งชัน โดยจุดที่สามารถอายัดทรัพย์สินได้มากที่สุด คือ เขตตลิ่งชัน ได้ทองคำแท่งน้ำหนักประมาณ 1,000 บาท พระเครื่องและสร้อยทองคำ รวม 35 รายการ เครื่องประดับอื่นอีก 10 รายการ และยังพบธนบัตรไทยและธนบัตรต่างชาติ อีกประมาณ 1 ล้าน 2 แสนบาท บัญชีธนาคาร จำนวน 65 บัญชี มูลค่า 50 ล้านบาท บ้านพร้อมที่ดิน จำนวน 85 รายการ มูลค่า 340 ล้านบาท รถยนต์ จำนวน 97 คัน มูลค่ากว่า 83 ล้านบาท ทองคำ จำนวน 1,064 บาท มูลค่ากว่า 31 ล้านบาท พระกรอบทอง พร้อมสร้อยทอง จำนวน 30 รายการ มูลค่ากว่า 2 ล้าน กระเป๋าแบรนด์เนม จำนวน 11 ใบ มูลค่ากว่า 8 แสนบาท เครื่องประดับ มูลค่า 5 แสนบาท นอกจากนี้ ยังพบเงินสดสกุลต่างๆ อาทิ เงินดอลลาร์ เงินกีบลาว เงินด่งเวียดนาม รวมทั้งสิ้นกว่า 1 ล้าน 2 แสนบาท และรวมมูลค่าการยึดทรัพย์ทั้งสิ้นกว่า 500 ล้านบาท โดย ดีเอสไอ เข้าตรวจยึดอายัดไม้แปรรูป ใน จ.สมุทรสาคร ได้อีกจำนวนหนึ่งและส่งมอบให้กรมป่าไม้ ตรวจสอบว่าไม้เป็นชนิดใด หากพบว่าเป็นไม้ที่ไม่ถูกต้องจะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด
พ.ต.ท.กรวัชร์ เผยอีกว่า การปฏิบัติงานของดีเอสไอในด้านการตัดวงจรทางการเงินของเครือข่ายยาเสพติดนั้นได้รับข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งเป็นธุรกรรมการเงินต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด โดยใช้เครื่องมือติดตามความสัมพันธ์การรับโอนเงินที่เป็นระบบเก่า ซึ่งเป็นการยากในการขยายผลไปถึงตัวการสำคัญในเรื่องยาเสพติด ประกอบกับ รมว.ยธ. ให้ความสำคัญ ในเรื่องของการตัดเส้นทางการเงินของวงจรยาเสพติด ด้วยการยึดอายัดทรัพย์ จึงได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการสืบค้นทางการเงิน โดยเทคโนโลยีดังกล่าว สามารถเจาะไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นตัวการสำคัญได้ ทั้งยังสามารถแยกกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดออกไปเป็นวงกว้าง และจากการตรวจสอบข้อมูลทางธนาคาร ข้อมูลการชำระภาษี ของกรมสรรพากร พบว่า กลุ่มคนเหล่านี้มีเงินเข้าบัญชีธนาคารเป็นหลัก 100-1,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีการชำระภาษี และเมื่อตามเส้นทางของบุคคลเหล่านี้พบว่าส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เมื่อรวบรวมข้อมูลจนมั่นใจว่ากลุ่มบุคคลนี้ได้กระทำการเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ ดีเอสไอ จึงรับเป็นคดีพิเศษ
ด้าน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตามนโยบายปราบปรามยาเสพติดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มอบหมายเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 63 โดยมีข้อสั่งการให้ขยายผลเพื่อจับกุมนายทุนและผู้อยู่เบื้องหลังการค้ายาเสพติด รวมถึงจัดตั้งกลไกการบูรณาการการปราบปรามยาเสพติดเพื่อสืบสวนขยายผลและยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด ซึ่ง ดีเอสไอ เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม มอบหมายภารกิจในการสอบสวนเส้นทางการเงินของเครือข่าย น.ส.ชบา โดยใช้เทคโนโลยีในการสืบค้นธุรกรรมทางการเงินที่ทันสมัย พร้อมปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนอย่างเข้มข้นเพื่อติดตามเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทางกลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งสามารถอายัดบัญชีธนาคาร และทรัพย์สินที่เป็นทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์หรู กระเป๋าแบรนด์เนม เงินสดไทยและต่างประเทศ ฯลฯ รวมมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท
“ทั้งนี้ การปฏิบัติตัดวงจรยาเสพติดนั้นดำเนินการมาตลอด 7 เดือน ถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญในการปรามปราบยาเสพติดให้ได้มากที่สุด จากปีก่อนสถิติการยึดทรัพย์ ที่ทำได้ทั้งปีเฉลี่ยเพียง 600 ล้านบาท แต่เมื่อเรานำวิธีการตัดวงจรมาใช้ไม่ถึง 1 ปี เราสามารถยึดได้กว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเกินเป้ากว่าที่เรากำหนด การดำเนินงานในครั้งต้องขอบคุณทุกหน่วยงานที่ทำให้เราประสบความสำเร็จและในปีต่อไปเราจะทำงานให้เข้มข้นตามแนวทาง 10 X RULE ( ทำงาน 10 เท่า ) ดังนั้นในปีหน้าเราจะตัดวงจรยาเสพติดให้ได้ กว่า 6,000 ล้าน” นายสมศักดิ์ กล่าว