MGR Online - ผบก.ภ.จว.ตาก สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ดาบตำรวจ สภ.พบพระ ลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ
วันนี้ (4 ส.ค.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่สื่อนำเสนอข่าว “ทหาร รวบ ดาบตำรวจ ลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าเมือง เจอซุ่มจับ” นั้น ว่า ได้รับรายงานจาก กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ว่า เมื่อวันที่ (3 ส.ค.) เวลาประมาณ 06.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ร่วมกับทหาร ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีขบวนการช่วยเหลือนำคนต่างด้าวเดินทางเข้าไปในพื้นที่ชั้นในโดยใช้รถยนต์ จึงได้จัดกำลังเพื่อสืบสวนหาข่าวและออกตรวจในพื้นที่สุ่มเสี่ยง จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.30 น. เจ้าหน้าที่ได้พบรถยนต์ต้องสงสัยคันที่ยึดไว้เป็นของกลางขับมาบนทางหลวงชนบทสายแม่ปะ-ห้วยหินฝน อ.แม่สอด จ.ตาก จึงได้ส่งสัญญาณเรียกหยุดรถ พร้อมได้แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตรวจ ขอตรวจสอบหนังสือเดินทางตลอดจนเอกสารประจำตัวต่างๆ
จากการตรวจสอบพบบุคคลชาย สัญชาติไทย จำนวน 2 คน ให้การรับว่า ร่วมกันรับบุคคลต่างด้าว เป็นชายสัญชาติเมียนมา อายุ 15 ปี จำนวน 1 คน และ หญิง สัญชาติเมียนมา อายุ 27 ปี จำนวน 1 คน ที่บริเวณสำนักงานขนส่งจังหวัดตาก สาขาแม่สอด ไปส่งปลายทางพื้นที่ จังหวัดตาก
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหาบุคคลสัญชาติไทย 2 คน ในความผิดฐาน “ร่วมกันซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นการจับกุม” และ บุคคลสัญชาติเมียนมา 2 คน ในความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดหฎหมาย” ประกอบกับจากการตรวจสอบข้อมูลบุคคลสัญชาติไทย ของผู้ถูกจับกุมรายหนึ่ง พบว่า เป็นข้าราชการตำรวจยศ ดาบตำรวจ ตำแหน่ง ผบ.หมู่ (ป.) สภ.พบพระ จว.ตาก จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดทราบ โดยทาง พล.ต.ต.ปริญญา วิศิษฐฎากุล ผบก.ภ.จว.ตาก ได้มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และมีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจที่ถูกจับกุมออกจากราชการไว้ก่อน
รองโฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญา อย่างตรงไปตรงมา พร้อมให้ทำการสืบสวน ขยายผล จับกุม ผู้ที่ให้การสนับสนุนและอยู่เบื้องหลังทุกมิติ ประกอบกับให้ผู้บังคับบัญชา ลงไปกวดขัน สอดส่อง ดูแล ความประพฤติผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ให้กระทำผิดกฎหมายเสียงเอง หากพบว่าปล่อยปละละเลย ไม่เอาใจใส่ ให้พิจารณาข้อบกพร่อง หรือ ลงทัณฑ์กับผู้งบังคับบัญชาต้นสังกัดตามดับชั้น และเน้นย้ำให้ประสานงานกับหน่วยร่วมปฏิบัติทุกภาคส่วนในการสืบสวน หาข่าว การกระทำความผิดในลักษณะเป็นขบวนการนำพา เป็นนายหน้าและการดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงขยายผลไปถึงผู้เกี่ยวข้องทุกรายอย่างเด็ดขาด เพื่อเป็นการป้องกันและลดโอกาสนำเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เข้าสู่ประเทศไทย