“ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันพุธที่ 8 กรกฎาคม 2563 ตอน แฉธุรกิจค้าบุหรี่เถื่อน 2020 สยายปีกคุมตลาดทั่วไทย
กระทรวงการคลังเสนอให้เลื่อนการขึ้นภาษีสรรพสามิตยาเส้น และภาษียาสูบ ที่จะปรับขึ้นจาก 20% เป็น 40 % เท่ากันสำหรับบุหรี่ที่ขายทุกราคา ในวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ให้เลื่อนออกไปอีก 1 ปี เป็น 1 ตุลาคม 2564 เพื่อลดผลกระทบกับผู้ประกอบการ และเกษตรชาวไร่ยาสูบ
ควรรู้ว่า ภาษีบุหรี่ เป็นภาษีที่รัฐเก็บเงินสดก่อน โดยผู้ประกอบการจะต้องจ่ายเงินซื้ออากรสแตมป์ เพื่อไปติดซองบุหรี่ก่อนจะส่งขายในตลาด อย่างถูกต้องตามกฎหมาย จึงเป็นรายได้ที่รัฐสามารถเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ทว่าในแต่ละปีรัฐก็สูญเสียภาษีบุหรี่ซิกาแรตที่ขายในประเทศไทย ไปเป็นจำนวนมหาศาลเช่นกัน
เพราะมีขบวนการธุรกิจค้าบุหรี่เถื่อนที่ลักลอบนำบุหรี่ผลิตจากต่างประเทศเข้ามาขายในตลาดภายในประเทศอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ซึ่งไม่ได้เสียภาษีให้กับรัฐอย่างถูกต้องแม้แต่บาทเดียว ธุรกิจบุหรี่เถื่อนทำกันมานานปีและเติบโตอย่างมั่นคง สยายปีก แย่งส่วนแบ่งตลาดบุหรี่ถูกกฎหมายทุกระดับราคา
จนเป็นภัยร้าย กระทบกระเทือนธุรกิจค้าและผลิตบุหรี่ของการยาสูบแห่งประเทศไทย และผู้นำเข้าที่ถูกกฎหมาย โดยตัวเลขของการยาสูบฯมีรายได้และกำไรลดลงอย่างน่าตกใจทุกปี และคาดกันว่าจะเข้าสู่ภาวะขาดทุนแน่ ถ้ายังปล่อยให้ขบวนการบุหรี่เถื่อนบุกตลาดอย่างเย้ยกฎหมายเช่นเป็นอยู่ทุกวันนี้
ขบวนการค้าบุหรี่เถื่อนทำการลักลอบนำเข้าบุหรี่ได้สบาย โดยอาศัยคอนเนคชั่นกับเจ้าหน้าที่รัฐ ในกลุ่มคนมีสีทั้งหมด ลักลอบนำบุหรี่หนีภาษีเข้ามายังประเทศไทย ไม่เว้นแม้กระทั่งในช่วงโควิด-19 ระบาด
เห็นได้จากการรายงานข่าวว่า มีการจับกุมบุหรี่เถื่อนตามแนวชายแดนที่เพิ่มขึ้น ทั้งด้านจังหวัดเชียงราย ,จันทบุรี ,สระแก้ว ,ประจวบคีรีขันธ์ ,สตูล และสงขลา
แม้ว่า ช่วงโรคระบาดจะมีการปิดจากชายแดน ตามช่องทางผ่านอย่างเป็นทางการ แต่ช่องทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการลำเลียงสินค้าผิดกฎหมายเข้าสู่ประเทศ ยังคงมีการทยอยลักลอบเข้ามาในปริมาณน้อยเดินเท้าเข้ามาในพื้นที่
โดยวิธีการทำงานลักลอบขนบุหรี่เถื่อนข้ามเข้ามา ทำได้ไม่ยาก แค่ใช้รถกระบะสองคันถอยหลังเข้าหากันตามแนวชายแดน แล้วโยนของข้ามรั้ว หรือทะลุกำแพงก็เรียบร้อย จึงทำให้บุหรี่นอกเหล่านี้ ไม่ได้ขาดตลาด
ทางด้านมีร้านค้าในเมือง ก็เปิดขายกันอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย เช่นร้านค้าดังๆ รวมทั้งร้านเล็กๆ จำนวนกว่า 30 ร้านในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่เปิดขายมาอย่างยาวนาน แบบเย้ยฟ้าท้าดิน เช่นเดียวกับในพื้นที่กรุงเทพ มีบุหรี่เถื่อนยี่ห้อดังขายกันเกร่อ
สำหรับการเติบโตของบุหรี่เถื่อน มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น อัตราภาษีที่สูง, ปัญหาช่องว่างทางกฎหมาย ที่ไม่สามารถปราบปรามจับกุมได้อย่างเด็ดขาด และกระแสความนิยมของผู้บริโภคที่ไม่สามารถจ่ายเงินในราคาที่สูงกว่า เพื่อซื้อบุหรี่ที่ถูกกฎหมายได้
ซึ่งประเด็นปัญหานี้สำคัญ เพราะบุหรี่ไม่เสียภาษี หรือบุหรี่เถื่อน มีราคาเพียง 20-30 บาทเมื่อเทียบกับบุหรี่ถูกกฎหมาย ซึ่งมีราคาขั้นต่ำตั้งแต่ 60 บาท ไปจนถึงร้อยกว่าบาทต่อซอง เรียกว่า แพงกว่ากันถึง 3-5 เท่า
แน่นอนว่า คนค้าบุหรี่เถื่อนย่อมมีผลตอบแทนอย่างมหาศาล เพราะบุหรี่เถื่อนไม่ต้องเสียภาษีใดๆ ไม่ต้องติดแสตมป์ยาสูบ ไม่ต้องมีภาพคำเตือนที่น่ากลัวใดๆ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกเคยคาดการณ์ว่าบุหรี่ 1 ใน 10 มวน (หรือประมาณ 10%) ที่บริโภคกันทั่วโลกนั้นเป็นบุหรี่ที่ผิดกฎหมาย
สำหรับในประเทศไทย พบว่าพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดสงขลา สตูล พัทลุง และระนอง ยังคงเป็นพื้นที่ที่มีการลักลอบขนบุหรี่มากที่สุด
ที่ผ่านมาดูเหมือนกรมสรรพสามิต กรมศุลกากร เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร จะเน้นไปที่การสกัดจับบุหรี่เถื่อนระหว่างการขนส่งเป็นหลัก แม้จะมีข่าวการจับกุมได้หลายครั้งทั้งล็อตเล็กและล็อตใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถสกัดจับได้ 100%
จึงไม่มีใครรู้ว่าปริมาณบุหรี่เถื่อนที่เล็ดรอดเข้าประเทศไทยมาได้นั้นมีเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆ คือแม้จะมีข่าวการสกัดจับบุหรี่เถื่อนระหว่างการขนส่งในจังหวัดต่างๆ ตามชายแดนได้หลายครั้งก็ตาม แต่ความจริงก็ฟ้องว่า มีร้านค้าหลายร้านที่เปิดขายบุหรี่เถื่อนกันโจ่งแจ้ง
โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา บุหรี่ที่ลักลอบเข้ามาสำเร็จมีต้นทุนแค่ซองละ 10-12 บาท ซึ่งรวมค่าเบี้ยบ้ายรายทางด้วยแล้วยังถูกขนาดนี้ จึงเป็นโอกาสและแรงจูงใจให้ร้านค้าสนใจ หันมาขายบุหรี่เถื่อนกันมากขึ้น
และด้วยค่าส่วยรายทางนี้เอง ที่ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐ ‘เอาหูไปนา เอาตาไปไร่’ ปล่อยให้บรรดาร้านค้าเหล่านี้สามารถช่องทางกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคไทยได้มาอย่างต่อเนื่อง และกิจการเจริญเติบโตแซงหน้าร้านค้าที่ถูกกฎหมายไปแล้ว
ขบวนการค้าบุหรี่เถื่อนไม่ธรรมดา ในต่างประเทศ มีข้อมูลว่า การค้าบุหรี่ผิดกฎหมายมีความเชื่อมโยงกับการก่ออาชญากรรม และเป็นแหล่งรายได้หลักของกลุ่มผู้ก่อการร้าย ซึ่งถือเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ
สำหรับประเทศไทย แม้จะไม่เคยมีปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดเหล่านี้ แต่ปัญหาของเถื่อนในภาคใต้ก็มักมีข่าวการเชื่อมโยงกับปัญหาการก่อความไม่สงบในสามจังหวัดภาคใต้
แต่ที่ชัดเจนคือปัญหาบุหรี่เถื่อนก็สร้างผลเสียให้กับประเทศไทยอย่างมากมาย ไม่เพียงแค่การส่งเสริมการคอรัปชั่นในพื้นที่ที่มีการลักลอบการค้าบุหรี่เถื่อนสูง ยังทำให้การใช้มาตรการภาษีเพื่อการควบคุมการบริโภคยาสูบ ไม่ได้ผล
เนื่องจากบุหรี่ผิดกฎหมายเป็นสินค้า ที่มีราคาถูก ทำให้กลุ่มเยาวชน และกลุ่มรายได้น้อยเข้าถึงบุหรี่ได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ในช่วงที่รัฐบาลต้องการรายได้เพื่อฟื้นฟูประเทศหลังการระบาดของโควิด ปัญหาบุหรี่เถื่อนนี้ ยังถือเป็นการปล้นรายได้รัฐบาลที่ควรได้จากการจัดเก็บภาษีบุหรี่ไปอย่างอุกอาจ เพราะบุหรี่ถูกกฎหมายราคา 60 บาทหนึ่งซองต้องเสียภาษีให้รัฐรวมแล้ว 47 บาท
เท่ากับว่า ถ้าคนไทยหันไปซื้อบุหรี่เถื่อน 1 ซอง รัฐบาลต้องสูญเสียรายได้ทันที 47 บาท
ข้อมูลจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาซึ่งเป็นพื้นที่มีการระบาดของบุหรี่เถื่อนอย่างรุนแรงพบว่าภาษี อบจ. จากการค้ายาสูบในพื้นที่เก็บได้น้อยลงทุกปี ซึ่งหมายถึงปริมาณการซื้อขายบุหรี่ถูกกฎหมายลดลงเช่นกัน
ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ว่ารัฐบาลอาจสูญรายได้ไปกว่า 3-4 พันล้านบาทให้กับขบวนการค้าบุหรี่เถื่อน
ปัญหาบุหรี่เถื่อนยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังในประเทศไทย แต่น่าแปลกใจที่หน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กรมสรรรพสามิต กรมศุลกากร ที่รับผิดชอบเรื่องดังกล่าวโดยตรง กลับไม่ได้ให้ความสำคัญหรือใส่ใจในปัญหาเท่าที่ควร
ส่วนด้านนโยบายและการเมืองนั้น ดูจะไม่มีใครใส่ใจกับปัญหานี้ เลยกลายเป็นโอกาสทองของขบวนการค้าบุหรี่เถื่อน
จึงถึงเวลาที่จะต้องหาทางแก้ปัญหากันอย่างจริงจัง ที่จะหยุดยั้งหรือชะลอการเข้ามาของบุหรี่เถื่อนตามแนวชายแดน เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติในด้านรายได้ จากการเก็บภาษีบุหรี่ปีหนึ่งมีจำนวนมหาศาล