“ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2563 ตอน ล่า “ไอ้โม่ง” หักหัวคิวโควิด-19 “พ.” ขาใหญ่ ใกล้ชิดคนสำคัญ?
ขบวนการหักหัวคิวโรงแรม เหตุเกิดในเมืองพัทยาและพื้นที่จ.ชลบุรี ที่เข้าร่วมเป็นสถานที่กักกันของรัฐ หรือ (State Quarantine) เพื่อรองรับคนไทยกลับมาจากต่างประเทศ โดยเรียกหัวคิว 30-40 เปอร์เซ็นต์
งานนี้ ดูท่าแก๊งหักหัวคิวโรงแรม จะมีฉากจบที่ต้องมีคนโดนสังเวยแน่ๆ เนื่องจากตอนนี้ได้ไอ้โม่งอักษรย่อ “พ.” หรือชื่อเล่นว่า “โต้ง” ถูกเปิดชื่อออกมาว่า เป็นตัวเดินงานนี้ และอาจจะมีพ่วงลิ่วล้ออีกสักคนสองคน ที่ต้องติดร่างแห
เพราะหน่วยงานของรัฐ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาสถานที่กักกันของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย ต่างพากันร้อนตัว ออกมาประกาศเดินหน้าให้กระชากตัวไอ้โม่งมาลงโทษให้ได้
ต่างฝ่ายต่างเร่งแสดงความบริสุทธิ์ใจ เริ่มที่พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล้าออกมายืนยันเลยว่า ไม่เกี่ยวข้องกับคนในกองทัพแน่นอน
ขณะที่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข แสดงความเชื่อว่า
แก๊งเขมือบหัวคิวโควิด-19 จะถูกทลาย ย้ำหนักแต่นด้วยว่า “คนเรียก-คนจ่าย” โดนทั้งยวง
ด้านหน่วยงานตรวจสอบอย่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดย พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ก็ยืนยันอีกเสียงว่า ไม่ใช่คนมีสีแน่นอน พร้อมสรุปเบื้องต้นว่า เป็นบุคคลที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของรัฐ และไม่ได้เป็นคน จ.ชลบุรี
ทิศทางการให้ข้อมูลของภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างรีบสรุปตรงกันว่า แก๊งนี้ไม่ใช่คนมีสี และไม่ใช่บุคคลของหน่วยงานรัฐ เหตุที่เรียงหน้ามารีบสรุปก็เพื่อรีบตัดไฟต้นลม ไม่ให้โหมใส่ภาพรวมรัฐบาล ที่กำลังได้คะแนนจากการแก้ไขปัญหาของโควิด-19 อยู่
เมื่อเป็นเช่นนี้ดูแล้ว “พ.” หรือ “โต้ง” กับพรรคพวก คงน่าจะรับเละอยู่ฝ่ายเดียว ส่วนพวก “ตัวใหญ่” น่าจะไปไม่ถึง หากจับท่าทีจากเจ้าหน้าที่แล้ว ส่อแววจะเข้าอีหรอบเดียวกับปมกักตุนหน้ากากอนามัย ที่สุดท้ายโดนกันแต่ตัวเล็กตัวน้อย ที่เป็นมืองาน
เบื้องหลังแก๊งเขมือบหัวคิว มีรายงานว่า “พ.” หรือ “โต้ง” เป็นพลเรือนที่ค่อนข้างมีเส้นสาย รู้จักบุคคลในแวดวงการเมือง และที่สำคัญใกล้ชิด “บุคคลสำคัญ” เสียด้วย
แต่ตอนนี้คงถูกเฉดหัว และไม่มีใครกล้าออกมาปกป้อง
ว่ากันตามจริงแล้ว เรื่องแบบนี้ จะสาวถึงตัวใหญ่ที่บงการได้ยาก เพราะตราบใดที่ไม่มี “ใบเสร็จ” มัด การเอาผิดย่อมหยุดอยู่แค่บุคคลที่กระทำผิด ไม่ถึงตัวการ
แม้ว่า จากกระแสข่าวในตอนแรก พบว่า มีการพาดพิงตัวละครจากภาครัฐประมาณ 4-5 คน และ “นายหน้า” อีกประมาณ 9-10 คน ที่ทำหน้าที่ประสานงานกับเจ้าของโรงแรม
โดยเฉพาะท่าทีของ ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เหมือนจะชี้นำไปที่เจ้าหน้าที่รัฐของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งก็มีการตอบโต้ทันควันจาก “เสี่ยหนู” ที่เรียกร้องให้ออกมาเปิดเผยชื่อแก๊งเขมือบหัวคิว
แน่นอนว่า คนในกระทรวงสาธารณสุขย่อมโดนเพ่งเล็งเป็นพิเศษ หากดูเงื่อนไขภาครัฐที่จะใช้เป็นสถานที่กักตัวคนไทยที่เดินทางจากต่างประเทศพัก 14 วันนั้น ปกติกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบ ในเรื่องค่าใช้จ่าย
โดยจ่ายให้ 30 วัน ให้โรงแรมออกบิลห้องละ 1,000 บาท 30 วัน ก็30,000 บาทต่อห้อง แต่แก๊งหากินหัวคิว มาสวมรอยโดยจะขอหักในส่วนนี้คืนละ 400 บาท เมื่อคิดรวม 30 วันจะได้ห้องละ12,000 บาท และขอเป็นเงินสดเท่านั้น
รวมๆกันหลายโรงแรมแล้ว จะมีรายได้จำนวนมากอยู่ แต่ก็ยังเป็นการกินแบบคำเล็กไป เมื่อเทียบกับการทุจริตกันในอดีตของบรรดาขาใหญ่ ทำให้เชื่อแก๊งนี้ถ้ามีคนในเกี่ยวข้องก็คงเป็นพวกตัวเล็กตัวน้อยมากกว่า
พอชี้นำว่า เป็นกระทรวงสาธารณสุข แล้วจะเหมาว่า เป็นพวกของ “เสี่ยหนู” ก็คงไม่ยุติธรรม เพราะโอกาสเป็นไปได้น่าจะเกิดจากเจ้าหน้าที่ภาคส่วนอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นเด็กของเจ้ากระทรวง แต่มันจะไม่มี “คนใน” ไม่รู้เรื่องเลยไม่ได้ นั่นเพราะตามขั้นตอนมันเกี่ยวข้องกับกระทรวงสาธารณสุข
อีกจุดที่น่าสนใจคือ ในวันที่ ศรีสุวรรณ เปิดประเด็น และแฉเรื่องนี้ ไม่ปรากฏว่า มีโรงแรมใดยอมจ่ายค่าหัวคิวให้กับแก๊งนี้ เป็นเพียงแต่เจ้าของโรงแรมทนไม่ได้ ที่เข้ามาร้องเรียนว่า มีเรื่องฉาวโฉ่แบบนี้เกิดขึ้น
ดังนั้น สุดท้าย “พ.” รายนี้ จะเป็นแต่เพียงนักต้มตุ๋น แอบอ้างรัฐเรียกร้องผลประโยชน์เท่านั้นหรือไม่ เพราะมันยังไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น เรื่องมันก็จะจบลงแบบนี้ และก็ไปไม่ถึง “ตัวใหญ่” อีกเช่นเคย