แม่ร้องมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยให้ความเป็นธรรม ลูกชายวัย 20 ปี เสียชีวิต กับหลานชายวัย 16 ปี บาดเจ็บ หลังไปทำงานรื้อซากเครื่องบิน ขนย้ายข้ามจังหวัด ระหว่างทางรถที่ขนย้ายวิ่งผ่านไม่ได้ เพราะติดสายไฟฟ้า 4 คนงานช่วยกันขยับสายไฟฟ้า แต่ถูกไฟดูดจนเกิดเรื่องสลด!! หลังเกิดเหตุนายจ้างยังไม่รับผิดชอบ
วันอังคารที่ 19 พ.ค. 63 ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี นางแตง (นามสมมติ) อายุ 40 ปี พร้อมด้วย นางต่าย (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี และ นายกรณ์ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ชาว จ.ปราจีนบุรี เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ขอความเป็นธรรมกรณีนายจ้างไม่รับผิดชอบหลังไปทำงานขนย้ายซากเครื่องบินแล้วเกิดอุบัติเหตุไฟฟ้าช็อตเป็นเหตุให้นายเก่ง อายุ 20 ปี ลูกชายของนางแตงเสียชีวิต และนายกรณ์ได้รับบาดเจ็บ
นางแตง เล่าว่า นายเก่ง ลูกชายตนไปทำงานกับนายจ้างซึ่งมีอาชีพรับซื้อซากเครื่องบินแล้วนำมารื้อซากถอดอะไหล่ส่งขายต่อตั้งแต่ปี 2562 และเมื่อเดือน ม.ค. 63 เพื่อนคนงานที่บริษัทก็ได้มาชักชวนให้หาคนงานไปช่วยจะได้ค่าจ้างวันละ 300-500 บาท นายกรณ์ อายุ 16 ปี ซึ่งเป็นหลานชายและเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายเก่งก็ตกลงที่จะไปทำงานด้วย ตั้งแต่เดือน ม.ค.มา การทำงานก็ไม่มีปัญหาอะไร นายเก่ง กับ นายกรณ์ จะมีหน้าที่รื้อซากเครื่องบินและขนย้ายเครื่องบินไปตามที่นายจ้างสั่ง โดยส่วนใหญ่จะประจำกันอยู่ที่คลังสินค้า ดอนเมือง และบริเวณที่เก็บซากเครื่องบินใน อ.บางพระ จ.ชลบุรี กับที่ อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์
กระทั่งเมื่อคืนวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ นายเก่ง นายกรณ์ และเพื่อนคนงาน รื้อซากเครื่องบินอยู่ที่ อ.บางพระ จ.ชลบุรี นายจ้างได้สั่งให้คนงานขนย้ายซากเครื่องบินไปที่ อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ โดยใช้รถเทรลเลอร์ 2 คัน และรถ 12 ล้อ อีก 1 คัน ขนไปพร้อมคนงานทั้งหมด 8 คน และนายจ้างกับเลขาก็นั่งไปด้วย เมื่อไปถึงทางเข้าที่เก็บซากใน อ.พยุหะคีรี เป็นเวลาใกล้เช้าวันที่ 2 พ.ค.แล้ว ระหว่างทางซากเครื่องบินที่อยู่บนรถ 12 ล้อ ซึ่งวิ่งตามหลังเป็นคันที่ 3 เกิดติดสายไฟฟ้าข้างทางทำให้รถไม่สามารถวิ่งผ่านไปได้ คนงาน 4 คน ประกอบด้วย นายเก่ง นายกรณ์ นายโบ๊ท นายไอซ์ ได้ปีนขึ้นไปช่วยกันใช้ไม้เขี่ยและใช้ผ้าจับสายไฟฟ้าออก จู่ๆ เกิดไฟฟ้าดูดคนงานทั้ง 4 คน ได้รับบาดเจ็บกระเด็นตกจากรถกันระเนระนาด เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าช่วยเหลือทั้งหมดนำส่งโรงพยายาบาลพยุหะคีรี แต่ นายเก่ง ลูกชายของตนเองมีสภาพไหม้และเป็นแผลพุพองทั่วตัว ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนนายกรณ์ก็ได้รับบาดเจ็บเป็นแผลไหม่ที่บริเวณหลังและขา ขณะที่ นายโบ๊ท และ นายไอซ์ เพื่อนคนงานทั้ง 2 คน ยังบาดเจ็บรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
“หลังเกิดเหตุนายจ้างได้ช่วยเหลือเงินมาให้ตน 30,000 บาท บอกว่าช่วยเป็นค่าทำศพลูกชาย และให้เงินช่วยเหลือนายกรณ์ หลานชายมา 10,000 บาท เป็นค่ารักษาพยาบาล หลังจากนั้น ก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรอีกเลย โดยนายจ้างได้มาร่วมงานเผาศพเป็นครั้งสุดท้ายแต่ก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตกลงอะไร โยนให้ไปคุยกับเลขาอย่างเดียว ตนเกรงว่า จะไม่ได้รับความเป็นธรรมขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือด้วย”
ขณะที่ นายกรณ์ อายุ 16 ปี เล่าว่า เวลานายจ้างใช้งานอะไรก็ต้องทำ ถ้าไม่ทำหรือใครมีปัญหาเขาก็จะชักปืนอออกมาขู่ จึงทำให้พวกตนกล้วและไม่กล้าขัดคำสั่งในการทำงาน ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเข้าเคยเป็นทหารเก่าหรือไม่ หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ช่วยตรวจสอบให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย โดย นายอภิญญา จะได้ส่งเจ้าหน้าที่ชำนาญการมารับเรื่องโดยจะเรียกร้องค่าแรงที่นายจ้างยังจ่ายไม่ครบ และให้ประกันสังคมรัรบเรื่องเพื่อจะได้เรียกนายจ้างมาขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนให้กับคนงานที่ก่อนหน้านี้ยังไม่เคยได้ทำประกันสังคมเลย เพื่อผู้เสียหายจะได้รับเงินช่วยเหลือกรณีบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการทำงานตามสิทธิ์ที่ควรจะได้รับ
นอกจากนี้ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ยังได้ประสาน พ.ต.อ.อิทธิ ชำนาญหมอ ผกก.สภ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ เพื่อให้ความเป็นธรรมทางด้านคดีกับผู้เสียหาย นางแตง ที่ต้องเสียลูกชายไป และ นายเก่ง ที่ได้รับบาดเจ็บต่อไป.