MGR Online - เลขาธิการ ป.ป.ส.แจงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี การจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับคดียาเสพติด เน้นขยายผลจับกุมตัวการใหญ่ และผู้จำหน่ายให้เด็กเยาวชน ตั้งแต่ร้อยละ 25-75 ของจำนวนเงินคำนวณปริมาณยาเสพติดที่จับกุม
วันนี้ (7 พ.ค.) นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) ชี้แจงความคืบหน้าในการแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับยาเสพติด เงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ และเงินช่วยเหลือในการปฏิบัติงานยาเสพติด ว่าเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 63 ระเบียบดังกล่าวลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 31 พ.ค. 63 เป็นต้นไป โดยการแก้ไขเป็นไปตามนโยบายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) ที่เล็งเห็นว่าเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติดขาดแรงจูงใจที่จะทำการสืบสวนขยายผลไปถึงตัวการสำคัญ หรือนายทุนเจ้าของยาเสพติด และทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติด เห็นได้จากที่ผ่านมาการจับยาเสพติดที่ได้ของกลางจำนวนมากผู้ถูกจับส่วนใหญ่เป็นเพียงผู้รับจ้างลำเลียง และอีกประการต้องการสร้างแรงจูงใจให้เกิดการปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดที่จำหน่ายยาเสพติดในหมู่บ้านชุมชนและโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จำหน่ายให้แก่เด็กและเยาวชน
นายนิยมกล่าวอีกว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยธ.ได้มอบหมายให้สำนักงาน ป.ป.ส.แก้ไขระเบียบดังกล่าว โดยเน้นการจ่ายเงินค่าตอบแทนให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติดที่ทำการขยายผลจนสามารถจับตัวการสำคัญได้ ดังนั้น ในกรณีที่จับยึดได้เฉพาะตัวยาเสพติดและไม่มีผู้ต้องหา จะจ่ายเงินค่าตอบแทนแก่ผู้สืบสวนจับร้อยละ 25 ของจำนวนเงินที่คำนวณได้จากปริมาณยาเสพติดตามอัตราที่กระทรวงยุติธรรมกำหนด ส่วนกรณีที่จับได้ทั้งผู้ต้องหาและยึดยาเสพติดได้ จะจ่ายเงินค่าตอบแทนให้ผู้จับร้อยละ 50 ของจำนวนเงินที่คำนวณได้จากปริมาณของยาเสพติด โดยทั้งสองกรณีหากพนักงานสอบสวนหรือผู้สืบสวนจับได้ทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไปจนสามารถจับผู้ร่วมกระทำความผิดเพิ่มเติมนายทุน เจ้าของยาเสพติด หรือตัวการที่อยู่เบื้องหลังการกระทำความผิดได้ ก็จะได้รับค่าตอบแทนเพิ่มอีกร้อยละ 25 รวมไปถึงกรณีการสืบสวนสอบสวนขยายผลไปจับผู้กระทำความผิดเครือข่ายใหม่ พนักงานสอบสวนและผู้สืบสวนจับที่ทำการขยายผลก็จะได้รับเงินค่าตอบแทนเพิ่มร้อยละ 25 เช่นเดียวกัน นอกจากนี้กรณีที่เป็นการจับผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้จำหน่ายยาเสพติดให้แก่เด็กหรือเยาวชนในหมู่บ้านชุมชน ผู้สืบสวนจับจะได้รับเงินค่าตอบแทนเพิ่มเป็นรายคดีอีกคดีละไม่เกิน 5,000 บาท
นายนิยมกล่าวต่อว่า การแก้ไขระเบียบดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแรงจูงใจให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติด ในการสืบสวนและสอบสวนเพื่อทำลายเครือข่ายวงจรการค้ายาเสพติดให้ได้อย่างเด็ดขาด และเพื่อเป็นการลดความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนในหมู่บ้านหรือชุมชนให้ได้อย่างแท้จริง โดยระเบียบนี้จะมีผลบังคับใช้กับคำขอรับเงินรางวัลในทุกคดีที่ยื่นขอรับเงินค่าตอบแทนตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. 63 เป็นต้นไป
“ทั้งนี้ ในคดีที่มีการจับกุมก่อนวันดังกล่าว หากพนักงานอัยการมีคำสั่งในคดีแล้ว ขอให้ผู้ปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติดได้ดำเนินการยื่นคำขอตามระเบียบ และขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนให้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างพื้นที่ปลอดภัย เพื่อห่างไกลยาเสพติด โดยหากพบเห็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดสามารถแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วน 1386 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง” เลขาธิการ ป.ป.ส.กล่าว