MGR Online - “ทนายอนันต์ชัย” พา 2 ชาวเมียนมา ลูกน้อง “จ่อเฮง” นักธุรกิจซื้อขายน้ำมัน ขอความเป็นธรรม ปปง. หลังนำเงิน 16.5 ล้านบาท เข้าประเทศไทยแต่ไม่มีเอกสารสำแดง
วันนี้ (5 พ.ค.) เวลา 10.00 น. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สะพานหัวช้าง ถ.พญาไท กรุงเทพฯ นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ พา น.ส.นามิทู และ นายเดดไป่อู ชาวเมียนมา พนักงานของนายจ่อเฮง นักธุรกิจค้าขายน้ำมันกับ ปตท. เข้ายื่นหนังสือต่อ ร.ต.อ.ไพรัตน์ เทศพานิช โฆษกประจำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อขอความเป็นธรรมหลังถูกตำรวจทางหลวงจับกุมพร้อมเงิน 16.5 ล้านบาท กล่าวหาว่าเป็นเงินนำเข้ามาประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย
นายอนันต์ชัย กล่าวว่า วันนี้ตนนำหลักฐานที่มาของเงินจำนวน 16.5 ล้านบาท ว่า เป็นเงินที่ได้มาจากการซื้อขายน้ำมันกับ ปตท. ทั้ง เอกสารการซื้อขายน้ำมัน, สเตทเมนต์ ปี 62 และ ใบกำกับภาษี โดย นายจ่อเฮง เป็นนักธุรกิจ มีหนังสือรับรองจากประเทศเมียนมา ไม่เคยมีประวัติอาชญากร และเมื่อวันที่ 7 เม.ย. ให้ลูกน้องนำเงินเข้ามาฝากธนาคารแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อโอนชำระหนี้ค่าน้ำมันให้กับ ปตท. เนื่องจากธนาคารในเมียนมาปิดช่วงโควิด-19 แต่มาถูกตำรวจทางหลวงจับกุม จากนั้น กองปราบฯ รีบส่งเรื่องมาให้ สำนักงาน ปปง. ในวันที่ 14 เม.ย. ซึ่งไม่ได้ตรวจสอบก่อนว่าเงินมาจากการกระทำผิดหรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่
นายอนันต์ชัย กล่าวอีกว่า ผู้เสียหายมาขอความเป็นธรรมให้ตนช่วยเหลือเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ซึ่งความผิดอาจมีเพียงไม่สำแดงตาม พรบ.ศุลกากร แต่ไม่เข้าข่ายเป็นความผิดฐานฟอกเงินแน่นอน จึงอยากให้ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานจากฝั่งผู้เสียหายด้วย หากพบกระทำผิดค่อยส่งหน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบต่อไป ส่วน นายจ่อเฮง ขณะนี้อยู่ประเทศเมียนมาและจะมาขอความเป็นธรรมอีกครั้งหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายก่อน อย่างไรก็ตาม การยื่นเรื่องมา ปปง. หากมีมติรับเรื่องพิจารณาจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจเพราะเงินในบัญชีจะถูกอายัดทั้งหมด และผู้เสียหายจะถูกดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญา
ด้าน ร.ต.อ.ไพรัตน์ เผยว่า กองปราบฯ ส่งสำนวนมาให้ ปปง. เมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมด และจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย