MGR Online - รองโฆษก ตร.แจงขั้นตอนการดำเนินการวินัย-อาญ สว.ฝ่ายฌาปนกิจสงเคราะห์ ยักยอกเงินค่าจัดการงานศพ จ่อให้ออกจากราชการ ชี้ความผิดสำเร็จแล้ว
วันนี้ (27 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี พ.ต.ต.ธีร์ธดลว์ พันธ์สนิท สว.ฝ่ายฌาปนกิจสงเคราะห์ กองสวัสดิการตำรวจ ยักยอกเงินฌาปนกิจและค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพ ว่า ในการดำเนินการทั้งในส่วนของวินัยและทางคดีอาญา โดยในส่วนความผิดทางวินัย มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในชั้น พบว่า มีมูลในการกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาจริง ขณะนี้ทางคณะกรรมการจะมีการสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง จากนั้นจะมีการพิจารณาในส่วนของการให้ออกจากราชการไว้ก่อน การไล่ออก หรือปลดออก ตามที่มีการดำเนินการมาโดยตลอดตั้งแต่เดือน มี.ค. ในส่วนการดำเนินคดีอาญา เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ที่จะรวบรวมพยานหลักฐาน พิสูจน์ทราบความผิดต่อไป ซึ่งเบื้องต้นมีการแจ้งความข้อหาความผิดฐานยักยอกทรัพย์ โดยจะมีการแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ กรณีนายตำรวจท่านนี้ ไม่นำเงินที่จะต้องนำส่งหลวง และกรณีที่มีการสั่งของจากร้านต่างๆ และยังไม่มีการชำระราคาตามที่ตกลงกันไว้ กรณีที่เกิดขึ้นไม่เจาะจงกับการฌาปนกิจข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เพราะยังมีเงินค่าธรรมเนียมที่เก็บมาจากการจัดการค่างานศพ ที่ต้องนำส่งหลวง ส่วนเงินสั่งค่าอาหารเบื้องต้นทราบว่ามีผู้เสียหาย 3 ราย เข้าแจ้งความร้องทุกข์
“เบื้องต้นทราบว่า ในส่วนของเงินกองสวัสดิการมีการยักยอกไปประมาณ 6 แสนกว่าบาท ส่วนกรณีการสั่งสิ่งของจากร้านค้าน่าจะประมาณหลักหมื่นบาท สำหรับกรณีที่นายตำรวจท่านนี้มีพฤติกรรมอย่างนี้ เกิดจากสาเหตุอะไร ยังไม่ได้รับรายงานเข้ามา แต่ไม่ว่าจะเกิดจากมูลเหตุจูงใจอะไร การกระทำดังกล่าวได้เกิดเป็นความผิดไปแล้ว มีการใช้อำนาจหน้าที่ มีการใช้ตำแหน่งที่ไม่ชอบไปแล้ว จึงต้องมีการดำเนินการตามกฎหมาย” รองโฆษก ตร.ระบุ
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งการให้ดำเนินการให้ชัดเจน และเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาที่อยู่ใกล้ชิด เนื่องจากมีคำสั่งที่ชัดเจนให้ผู้บังคับบัญชาไปสอดส่องดูแลความประพฤติของลูกน้องตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวและส่วนรวม ซึ่งการที่มีข้าราชการตำรวจมาหากินอย่างนี้ ใครก็รับไม่ได้ จะต้องมีมาตรการดำเนินการอย่างถึงที่สุด และต้องมีคำตอบให้สังคม หากพบว่ามีบุคคลใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว ก็จะมีมาตรการดำเนินการต่อไป เรื่องนี้เป็นความผิดส่วนตัว ดังนั้น แนวทางป้องกันเชื่อว่ามีการวางระบบการป้องกันไว้อยู่แล้ว เพียงแต่คนที่คิดทุจริต แม้จะวางระบบไว้อย่างไรก็จะพยายามหาช่องทางกระทำความผิดไว้อยู่ดี เป็นเรื่องของจิตสำนึกมากกว่า เป็นเรื่องความประพฤติส่วนตัวของตำรวจที่ไม่ดีคนหนึ่ง