MGR Online - รองโฆษก ตร.ยันจับกุมหัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว พร้อมลูกน้องชายหญิงรวม 8 คน ตั้งวงดื่มสุรา คาบ้านพัก แจ้งข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ล่าสุด ส่งตัวผู้ต้องหาและสำนวนให้อัยการฟ้องคดีต่อศาลแล้ว ชี้โทษหนักคุก 2 ปี
วันนี้ (25 เม.ย.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.ขอเปิดเผยถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์นำเสนอข่าว “บุกจับหัวหน้าอุทยานฯ น้ำตกหงาว ดื่มเหล้าฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่สนโควิด” ในพื้นที่ สภ.ราชกรูด อ.เมือง จว.ระนอง ว่า ได้รับรายงานจาก สภ.ราชกรูด ว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 63 เวลาประมาณ 21.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่า ที่บ้านพักหัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว ม.1 ต.หงาว อ.เมือง จ.ระนอง มีการมั่วสุมดื่มสุราส่งเสียงดัง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณดังกล่าว เมื่อไปถึงพบผู้ต้องหาทั้งชายและหญิง จำนวน 8 ราย กำลังนั่งล้อมวงดื่มสุราและรับประทานอาหารภายในห้องโถง โดยผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย ไม่ได้สวมใส่หน้ากากอนามัยแต่อย่างใด จึงได้เข้าทำการจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบว่า การกระทำของผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งสิทธิและข้อกล่าวหาให้ทราบ ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
รองโฆษก ตร.กล่าวต่ออีกว่า พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานในคดีดังกล่าว และแจ้งข้อกล่าวหา ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เนื่องจากมีการชุมนุม การทำกิจกรรม มั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค อีกทั้งได้ส่งสำนวนการสอบสวนเสนอต่อพนักงานอัยการเพื่อดำเนินการฟ้องต่อศาลแขวงจังหวัดระนอง ตามขั้นตอนของกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ขอความร่วมมือไปยังประชาชน เจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานหน่วยงานภาครัฐ และทุกภาคส่วนในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประกาศออกมา ซึ่งที่ผ่านมา ก็ได้รับความร่วมมือในภาพรวมเป็นอย่างดีแต่อาจจะมีส่วนน้อยที่ยังคงฝ่าฝืนอยู่บ้าง ซึ่งหากพบว่ามีการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00-04.00 น. หรือมีการชุมนุม การทำกิจกรรม มั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค หรือการกระทำอันเป็นการฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน หรือกลั่นแกล้งแพร่เชื้อโรค ณ ที่ใดๆ ต้องรับโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ” รองโฆษก ตร.ระบุ
ต่อมาเมื่อเวลา 11.52 น. วันเดียวกัน อัยการจังหวัดระนอง ได้เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายชลิต สินโรจน์ธนากร กับพวกรวม 8 คน เป็นจำเลย ในคดีหมายเลขดำที่ อ 399/2563
อัยการฟ้องว่าการกระทำของจำเลยทั้ง 8 คน เป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ตามวันเวลาดังกล่าว เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้ง 8 คน ได้พร้อมเครื่องดื่มจำนวน 5 ขวด และน้ำแข็ง 1 กระติก ซึ่งเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ หรือทรัพย์สินที่จำเลยร่วมกันกระทำความผิด เป็นของกลาง ขณะที่จำเลยไม่ได้ถูกควบคุมตัวมาตั้งแต่เกิดเหตุ จนกระทั่งส่งฟ้องต่อศาล เหตุเกิดที่ ต.หงาว อ.เมือง จ.ระนอง
ขอให้ลงโทษตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 4, 9, 18 ข้อกำหนดของนายกรัฐมนตรี ที่ออกตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) ข้อที่ 5,15 ลงวันที่ 25 มี.ค. 2563 คำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 4/2663 เรื่อง แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงานฯ ประมวลกฏหมายอาญามาตรา 3, 83
ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพ และยื่นแถลงคำร้องประกอบคำรับสารภาพว่า จำเลยทั้ง 8 คน มิได้มีเจตนาที่จะทำการมั่วสุมเพื่อดื่มสุรากันในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ตามประกาศเรื่องห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรมมั่วสุม แต่เนื่องจากได้มีนักวิชาการป่าไม้ผู้รับการอบรมใหม่ที่จังหวัดระนอง และได้เชิญนักวิชาการสาธารณสุขจังหวัดระนอง มาร่วมปรึกษาการพัฒนาอุทยานแห่งชาติในระหว่างที่ปิดรับบริการนักท่องเที่ยว เพื่อพัฒนาให้เป็นอุทยานแห่งชาติสีเขียว ประกอบกับอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว มีร้านสวัสดิการและบ่อน้ำแร่ร้อยธรรมชาติ ต้องจัดการเกี่ยวกับการสุขาภิบาลและอนามัยสิ่งแวดล้อมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและป้องกันการแพร่โรคระบาด จึงร่วมกันปรึกษาวางแนวทางเกี่ยวกับการหาทางป้องกันโรคระบาดดังกล่าว โดยไม่ได้ส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียง เนื่องจากภายในบริเวณดังกล่าวเป็นบ้านพักของอุทยานแห่งชาติที่มิได้อยู่ในเขตชุมชน เพียงแต่นั่งรับประทานอาหารร่วมกันและพูดคุยกันเท่านั้น
โดยไม่มีเจตนาฝ่าฝืนคำสั่งของหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เรื่องห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรมมั่วสุม แต่อย่างใด จำเลยรู้สึกสำนึกในการกระทำผิด ขอศาลลงโทษจำเลยทั้ง 8 คนในสถานเบา
ศาลพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง พิเคราะห์คำฟ้องและคำแถลงประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้ว เห็นว่าจำเลยทั้ง 8 คน เป็นข้าราชการและได้ร่วมประชุมปรึกษาหารือกันเกี่ยวกันงานราชการ รวมถึงได้มีการเชิญนักวิชาการสาธารณสุขมาร่วมปรึกษา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด-19 แต่อาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในการประชุมกันซึ่งจะต้องปฏิบัติตามมาตรการในการเว้นระยะห่างทางสังคม กรณีดังกล่าวเห็นว่าจำเลยทั้ง 8 คน ไม่จงใจที่จะฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ประกอบกับจำเลยทั้งหมดสำนึกในการกระทำความผิดดังกล่าวแล้ว และจะระมัดระวังในการจัดการประชุมสังสรรค์ร่วมรับประทานอาหารกัน ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวอีก
เห็นควรรอการกำหนดโทษให้แก่จำเลยทั้ง 8 คน มีกำหนด 1 ปี ให้ริบของกลาง