MGR Online – “กรมสอบสวนคดีพิเศษ” ทำความเห็นแย้งคำสั่งไม่อุทธรณ์คดี นายพานทองแท้ ชินวัตร ฟอกเงินกรุงไทยปล่อยกู้เครือกฤษดามหานคร เสนออัยการสูงสุดชี้ขาด
วันนี้ (25 เม.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงบ่าย วันที่ 24 เม.ย. 63 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ทำความเห็นแย้งคำสั่งไม่อุทธรณ์คดี นายพานทองแท้ ชินวัตร จำเลยคดีร่วมกันฟอกเงิน 10 ล้านบาท ธนาคารกรุงไทย ที่ปล่อยกู้ให้เครือกฤษดามหานคร ส่งให้พนักงานอัยการ ซึ่งครบกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ คือ ภายในวันที่ 25 เม.ย. 63 จากนั้นต้องเสนอให้อัยการสูงสุดชี้ขาด
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้มีหนังสือกล่าวโทษต่อ ดีเอสไอ ให้ดำเนินคดีอาญาต่อ นางกศนี จิปิภพ, นางกาญจนาภา หงส์เหิน, นายวันชัย หงษ์เหิน และ นายพานทองแท้ ชินวัตร รวม 4 คน ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปร่วมกันฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน โดยดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษที่ 25/2560 ทางคดีทำการสอบสวนเสร็จสิ้นและส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 61 ต่อมาพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องต่อศาล โดยเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 62 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำพิพากษายกฟ้อง
จากนั้นพนักงานอัยการในฐานะโจทก์ได้ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์คำพิพากษา จำนวน 4 ครั้ง ประกอบด้วย ครั้งที่ 1 ศาลอนุญาตถึงวันที่ 19 ธ.ค. 62 ครั้งที่ 2 ศาลอนุญาต ถึงวันที่ 25 ก.พ. 63 ครั้งที่ 3 ศาลอนุญาตถึงวันที่ 25 มี.ค. 63 โดยระหว่างนั้น (วันที่ 19 มี.ค. 63) พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่อุทธรณ์ (อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีศาลสูง) ต่อมา วันที่ 26 มี.ค. 63 พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการคดีพิเศษ (ฝ่ายคดีพิเศษ 4) ส่งสำนวนให้ดีเอสไอ พร้อมความเห็นไม่อุทธรณ์คำพิพากษามายังอธิบดีดีเอสไอ เพื่อพิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งหรือไม่ อันเป็นไปตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 มาตรา 34 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145 และพนักงานอัยการได้ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์คำพิพากษา เป็นครั้งที่ 4 ศาลอนุญาตถึงวันที่ 25 เม.ย. 63