ตร.ปทุมวัน ส่งสำนวนคดี พร้อมความเห็นสมควรฟ้อง “ปิยบุตร-พรรณิการ์-พิธา” อดีต ส.ส.และแกนนำชุมนุมแฟลชม็อบ สกายวอล์ก ให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ 15 เม.ย.นี้
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (7 เม.ย.) พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน ส่งตัว นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีต ส.ส.และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่, น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ และ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มาส่งสำนวนสอบสวนและความเห็นควรสั่งฟ้องต่ออัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 6 (ปทุมวัน) คดีเป็นแกนนำชุมนุมแฟลชม็อบ บริเวณสกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน หน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2562
ภายหลังรายงานตัวต่อพนักงานอัยการเสร็จแล้ว นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความผู้ต้องหา เปิดเผยว่า มีการตั้งข้อหาเดิม 5 ข้อหา ซึ่งอัยการนัดให้ผู้ต้องหาทั้งสามมาฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง ในวันที่ 15 เม.ย.นี้ เวลา 10.00 น. แต่ตนปรึกษากับทั้งสามแล้ว จะต้องยื่นขอความเป็นธรรม เพราะการสอบสวนของพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ยังไม่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา ประกอบกับคดีนี้เป็นคดีเดียวกับที่นักศึกษา ประชาชน กับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถูกกล่าวหาด้วย ขณะนี้อัยการก็ยังไม่สั่งฟ้อง อยู่ระหว่างสอบพยานเพิ่มเติมเช่นกัน
ด้าน นายปิยบุตร กล่าวว่า เราจะต่อสู้คดีตามกฎหมาย เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะเป็นกรณีศึกษาว่า การใช้ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 นั้น ถึงเวลาใช้ในทางปฏิบัติมีปัญหาจริงๆ ละเมิดสิทธิเสรีภาพ วัตถุประสงค์ที่ตั้งใจทำให้เสรีภาพในการชุมนุมเกิดขึ้นได้ แต่ในท้ายที่สุดอาจจะเกิดขึ้นไม่ได้จากการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ การที่เราถูกตั้งข้อหาเป็นจุดเริ่มต้นของการพิจารณาทบทวนเสนอแก้ไขปรับปรุง หรือยกเลิกแล้วเขียนใหม่ ให้กฎหมายการชุมนุมสาธารณะ บังคับการให้เสรีภาพการชุมนุมซึ่งรับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญ ใช้ได้จริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีแฟลชม็อบ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2563 พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ได้ส่งสำนวนพร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องนายธนาธร อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่, นายไพรัฎฐโชติก์ จันทรขจร อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เขต 5 นครปฐม, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นักกิจกรรมทางการเมือง, นายธนวัฒน์ วงค์ไชย แกนนำวิ่งไล่ลุง และ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ใน 5 ข้อหา ประกอบด้วย 1. ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้ง 2. ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยกีดขวางทางเข้าออกหรือรบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานีรถไฟ 3. ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะไม่ให้เกิดการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ 4. ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 5. ชุมนุมในรัศมีใกล้เขตพระราชฐาน 150 เมตร
อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีของผู้ต้องหา 5 คนแรกนั้น อยู่ระหว่างสอบสวนพยานเพิ่มเติม โดยอัยการนัดสั่งคดีชุดแรกในวันที่ 23 เม.ย. 2563 เวลา 10.00 น.