MGR Online - ผู้ช่วย ผบ.ตร.มีหนังสือกำชับแนวทางการตั้งจุดตรวจโควิด-19 หลังมีประกาศเคอร์ฟิว ย้ำ หมดเวลาผ่อนผัน 3 วันแรกแล้ว เริ่มมาตรการเข้มในการบังคับใช้กฎหมายวันนี้
วันนี้ (6 เม.ย.) พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ปรท.ผบ.ตร. ได้มีบันทึกข้อความส่วนราชการที่ 0007.35/972 ลง 4 เมษายน 2563 เรื่อง แนวทางการปฏิบัติตามคำสั่งปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ถึง ผบ.ตร. และทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ใจความว่า ตามที่ นรม. ลงนามในข้อกำหนด ซึ่งออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 2) ข้อ 1. ห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นบุคคลที่ได้รับข้อยกเว้น หรือเป็นผู้ปฏิบัติงานตามประกาศในข้อ 1. ซึ่งผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยมีกำหนดตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2563 จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนั้น
เพื่อให้การดำเนินการรองรับข้อกำหนดเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพในส่วนของ ตร. จึงให้ทุกหน่วยยึดถือแนวทางการปฏิบัติตามคำสั่งปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง และแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติม โดยปรับรูปแบบการปฏิบัติของจุดตรวจควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (covid-19) ที่มีอยู่เดิมให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในพื้นที่ โดยเพิ่มเติมการปฏิบัติในลักษณะจุดตรวจเคลื่อนที่ จุดตรวจชั่วคราว จุดตรวจถาวร หรือชุดสายตรวจร่วม เพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตามข้อกำหนด โดยในพื้นที่รอบนอก ซึ่งไม่ใช่เขตเมือง ให้ใช้กำลังตำรวจสนธิกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ส่วนพื้นที่ในเขตเมืองจะเสริมด้วยกำลังทหาร (ส.ห.) เท่าที่จำเป็น โดยให้หารือและประสานการปฏิบัติกับผู้ว่าราชการจังหวัด รวมทั้งผู้บังคับบัญชาฝ่ายทหารอย่างใกล้ชิด
“หยุดเจตนารมณ์หลักในการบังคับใช้ข้อห้ามต่อผู้ที่ยังมีพฤติกรรมเดินทางแบบปกติ และไม่ปฏิบัติตามแนวทาง การรักษาระยะห่างทางสังคม (Social distancing) ซึ่งใน 3 วันแรกจะผ่อนผันโดยใช้ดุลพินิจตามเจตนารมณ์ข้างต้น และจะบังคับใช้มาตรการอย่างเข้มงวด ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 6 เมษายน 2563 เป็นต้นไป โดยให้ บช.น. และ ภ.1-9 เป็นหน่วยปฏิบัติหลักในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และชุดสายตรวจ โดยบูรณาการการปฏิบัติร่วมกับหน่วยในสังกัด และส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ นอกจากนี้ ให้ ศปม.ตร. เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ รวบรวมผลการปฏิบัติของหน่วย โดยให้ดำรงการติดต่อสื่อสารกับหน่วยปฏิบัติทุกระดับได้อย่างต่อเนื่อง” หนังสือดังกล่าว ระบุ