รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม 2563 ตอน “หน้ากาก” ล่องหนถึง “ไข่แพง” การเมืองฟัดกันเละเทะ
ปัญหาหนึ่งที่ทำให้การแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ไม่ราบรื่น และไม่มีประสิทธิภาพคือ การปฏิบัติงานแบบ “รัฐราชการ” สไตล์ไทยๆ
จะเห็นว่า ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะ นอกจากขาดความเป็นเอกภาพในการทำงานแล้ว ปัญหาการทำงานภายในของรัฐบาลยังถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้คนส่ายหน้า
เพราะในขณะที่ประชาชนกำลังเดือดร้อน แต่หน่วยงานรัฐกลับทะเลาะ หรือตั้งแง่กัน จนเหมือนเป็นการซ้ำเติมปัญหาให้เลวร้ายลง
ก่อนหน้านี้ เคยเกิดประเด็นศึก “หน้ากากอนามัย” มาแล้วรอบหนึ่ง ระหว่างกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ที่กำกับดูแลโดยพรรคประชาธิปัตย์ กับกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ที่กำกับดูแลโดยพรรคพลังประชารัฐ
ระเบิดศึกหน้ากากอนามัย ซัดกันไปซัดกันมา จนถึงขั้นฟ้องร้องกันท่ามกลางวิกฤติไวรัสโควิด -19 สุดท้ายต้องเซ่นด้วยการเด้ง “วิรัช โภชนกิจ” ออกจากตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายใน
หรือกรณีที่พบว่า มีคณะติดตามของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ถูกจับโยงกับขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย ก็มี ส.ส.และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ กระโดดเกาะกระแสเรียกร้องให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีทันที ทั้งที่ยังไม่ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง
มาล่าสุด ปัญหาไข่ไก่ราคาแพง จากกรณีประชาชนแห่กักตุนสินค้า กระทรวงพาณิชย์ในฐานะเจ้าของเรื่อง งานเข้าระลอกสอง ออกมายืนยันว่า กำลังผลิตมีเพียงต่อการบริโภคภายในประเทศไทย
หากแต่ประชาชนเจอปัญหาเดิมเหมือนกับตอนหน้ากากอนามัยคือ รัฐยืนยันว่ามีเพียงพอ แต่ของกลับหายาก และมีราคาแพงขึ้น
ในจังหวะเดียวกัน วีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ที่มีคอนเนกชั่นกับกนกวรรณฟาร์ม อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ฟาร์มไข่ไก่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีกำลังผลิตวันละ 3 ล้านฟอง เห็นภาวะขาดแคลน จึงประสานขอซื้อไข่ไก่วันละ 1 แสน มาจำหน่ายหน้าที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ
แน่นอน ก้าวย่างวีระกร ต้องการสร้างคะแนนนิยมให้กับพรรค เพราะสามารถจัดหาไข่ไก่มาขายให้กับประชาชนได้ในภาวะที่คนกรุงหาซื้อกินยาก
แต่วิธีของวีระกร ย่อมไปเหยียบตาปลาพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่คุมกระทรวงพาณิชย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะทุกวันนี้กระทรวงพาณิชย์กำลังเผชิญกับข้อครหาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพในการทำงาน และการที่มีข่าวว่า มีคนวงในพัวกันการกับกักตุนหน้ากากอนามัย
การที่วีระกร ใช้คอนเนกชั่นจัดหาไข่ไก่มาจำหน่ายได้วันละ 1 แสนฟอง หน้าที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ เหมือนเป็นการตบหน้าพรรคประชาธิปัตย์ฉาดใหญ่
ตบแรกคือ ในขณะที่ประชาชนหาซื้อไข่ไก่ไม่ได้ หรือหาซื้อได้ แต่ในราคาแพง เพราะกระทรวงพาณิชย์ควบคุมไม่ได้จริง แต่วีระกร จากพรรคพลังประชารัฐ สามารถหาซื้อในราคาหน้าฟาร์มได้และมาจำหน่ายในราคาหน้าฟาร์ม ให้กับคนกรุง
ตบสองคือ ตอกย้ำให้เห็นถึงความล้มเหลวในการแก้ปัญหาของกระทรวงพาณิชย์ ที่ประชาชนต้องปากกัดตีนถีบเอาตัวรอดเองอีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้เกิดกรณีหน้ากากอนามัยไปแล้ว
มันจึงไม่แปลกที่ในวันเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ภายใต้การนำทัพของ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเริ่มปูพรมไล่จับฟาร์มต่างๆ ในประเทศที่ขายเกินราคาที่รัฐกำหนดคือ 2.80 บาท
1 ในฟาร์มที่กระทรวงพาณิชย์ดีเดย์คือ “กนกวรรณฟาร์ม” ฟาร์มที่วีระกร ประสานขอซื้อไข่ไก่มาขายวันละ 1 แสนฟอง เพราะขายเกินราคาอยู่ที่ 3.20 บาท
อาจมองได้ว่า เพราะกนกวรรณฟาร์ม เป็นฟาร์มไข่ไก่ที่ใหญ่แห่งหนึ่งในประเทศ กระทรวงพาณิชย์จึงต้องเพ่งเล็งเป็นลำดับแรกๆ หากแต่การดำเนินการเกิดขึ้นในวันเดียวกับที่วีระกร ประกาศว่าจะนำไข่ไก่จากฟาร์มนี้มาขายให้กับประชาชน
กนกวรรณ์ฟาร์ม ขายไข่ไก่หน้าฟาร์ม 3.20 บาท แพงกว่าที่รัฐกำหนดไว้ที่ 2.80 บาท ไม่ว่าจะมากหรือน้อย หรือ 20 สตางค์อย่างที่วีระกรตัดพ้อ ถือว่าผิดอยู่ และกระทรวงพาณิชย์ทำถูกต้อง
หากแต่เจตนาในการลุยตรวจกนกวรรณฟาร์มของกระทรวงพาณิชย์ เป็นเพราะห่วงใยประชาชน หรือเพราะต้องการเอาคืนพรรคพลังประชารัฐ
อย่างที่รู้กัน กระทรวงพาณิชย์ในยุคไวรัสโควิด -19 ระบาด เป็น 1 ในตำบลกระสุนตก และมีหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า แกนนำรัฐบาลในฟากพรรคพลังประชารัฐแทบจะปล่อยให้รับชะตากรรมนั้นไป
นอกจากนี้ หลายครั้งหลายคราวยังถูกตั้งข้อสังเกตว่า ข้อมูลที่เผยแพร่ออกมาแฉกระทรวงพาณิชย์เกิดจากคนในรัฐบาลเอง
มันเป็นแผลเดิมตั้งแต่เมื่อครั้งเกิดศึกแย่งชิงกระทรวงเศรษฐกิจ แต่ไม่สามารถเอาคืนจากพรรคประชาธิปัตย์ได้ นอกจากนี้ ในช่วงแรกๆ กระทรวงที่พรรคสีฟ้ากำกับดูแลยังทำงานค่อนข้างเอกเทศ ใครแตะต้องไม่ได้
ดังนั้น พอเกิดปัญหาก็ให้พรรคประชาธิปัตย์รับในสิ่งที่ตัวเองรับผิดชอบไปคนเดียว แม้จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน แต่ก็ไม่เกี่ยวข้อง
ศึกไข่ไก่ จึงบังเกิดอย่างที่เห็น ซึ่งใครๆ ก็อ่านรู้ว่า คนในพรรคร่วมรัฐบาลเล่นสงครามกันเองอีกระลอก