MGR Online - รมต.ดิจิทัลฯ แถลงรวบสาวประเภทสองหลอกขายหน้ากากอนามัยออนไลน์ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก พบประวัติพบเคยเป็นท้าวแชร์ออนไลน์ถูกดำเนินคดี ตรวจสอบบัญชีรอบ 3 เดือนมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 2-3 ล้านบาท
วันนี้(27 มี.ค.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วย พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา รองผู้บัญชาการสำนักเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ รองผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ แถลงข่าวการจับกุม นายพายุทัศ พองภู่ อายุ 30 ปี สาวประเภทสอง ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.254/2563 ลงวันที่ 26 มีนาคม 2563 ในความผิดฐานฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น โดยได้กระทำด้วยการแสดงข้อความเป็นเท็จต่อประชาชน กรณีหลอกขายหน้ากากอนามัยออนไลน์ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก มูลค่าความเสียหายกว่า 530,000 บาท
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า คดีนี้ผู้ต้องหาทำงานแบบมืออาชีพ ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เวลาในการดำเนินการค่อนข้างนาน เนื่องจากผู้ต้องหาใช้เพจเฟซบุ๊กมากกว่า 3 เพจ อาทิ เพจสมัครงาน และ เพจเงินกู้ เพื่อนำข้อมูลส่วนตัวของผู้ที่เข้ามาในเพจทั้งบัตรประชาชน และ ข้อมูลสำคัญอื่นๆ ไปเปิดบัญชีธนาคารเป็นชื่อบุคคลอื่น สำหรับการหลอกขายหน้ากากอนามัย ก่อนจะโอนเงินเข้าบัญชีตัวเองภายหลัง ช่วง 3 เดือนตั้งแต่เกิดเชื้อไวรัสโควิด-19 พบในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาผู้ต้องหามีเงินหมุนเวียนในบัญชีประมาณ 2-3 ล้านบาท
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ในการจับกุมตำรวจไม่เจอของกลางซึ่งเป็นหน้ากากอนามัยอย่างที่ผู้ต้องหาอ้าง เชื่อว่าเป็นการหลอกขายสินค้าทั้งที่ไม่มีอยู่จริง เบื้องต้น นายพายุทัศ ให้การภาคเสธอ้างว่าตนเองเป็นเพียงแอดมินเพจเท่านั้น ซึ่งรับจ้างทำให้กับคนอื่น แต่ทางตำรวจมีข้อมูลชัดเจนว่า นายพายุทัศ เป็นผู้ต้องหาและดำเนินการเองทั้งหมด ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานอื่นเพิ่มเติม และ เชื่อว่าจะมีความเสียหายมากกว่านี้ นอกจากนี้พบว่าเมื่อปี 2562 ผู้ต้องหาเคยถูกดำเนินคดีฐานเป็นท้าวแชร์ออนไลน์ ท้องที่สน.บางขุเทียน
ด้านน.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเองได้มีการติดต่อซื้อหน้ากากอนามัย 3 ชั้นที่ใช้ทางการแพทย์จาก นายพายุทัศ (ผู้ต้องหา) จำนวน 30,000 ชิ้น ซึ่งผู้ต้องหาได้วีดีโอคอลยืนยันว่าหน้ากากอนามัยมีอยู่จริง ตนเองจึงตกลงซื้อขาย ซึ่งผู้ต้องหาแจ้งให้โอนเงินค่ามัดจำจำนวน 48,000 บาท ประมาณร้อยละ 20 ก่อนจะส่งโลเคชั่นจุดรับสินค้าย่านจรัสสนิทวงศ์มาให้ ซึ่งเมื่อเดินทางไปรับสินค้าและพยายามติดต่อกับผู้ต้องหาแต่ไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้ อีกเลยจึงได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ